"คู่มือ...ทำกับข้าวเมืองเหนือประยุกต์" (ฉบับรีไซเคิ้ล) เล่มนี้ ผมขออนุญาตเรียกอย่างนี้ เพราะกระดากที่จะเรียกว่า "ตำรา" ผมเขียนขึ้นจากประสบการณ์ในการทำกับข้าวด้วยตนเองเกือบจะทุกวัน ตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่จนเกือบจะลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว ส่วนหนึ่งซึ่งนับว่าเป็นส่วนมากที่สุดมาจากความทรงจำในอดีต ที่ได้อาสาเป็นลูกมือช่วยผู้ใหญ่ทำกับข้าวอยู่เสมอ... และทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ผมได้ตรวจสอบชำระข้อความบางท่อนบางตอนที่เป็นส่วนสาระสำคัญกับหนังสือ "ตำราทำกับข้าวเมืองเหนือ" เขียนโดย คุณสงวน โชติสุขรัตน์ ซึ่งเป็นบรมครูทางการหนังสือพิมพ์ขั้นปฐมของผม แล้วนำมาคลุกเคล้าผสมผสานเรียบเรียงเขียนขึ้นมาใหม่ในเชิง "เล่าสู่กันฟัง" ทั้งนี้ เพื่อสะดวกแก่คนรุ่นใหม่ จะได้นำเอาไปเป็น "คู่มือ" อนุรักษ์การทำกับข้าวของเมืองเหนือ ให้คงอยู่ถึงคนรุ่นต่อๆไป โดยคำนึงถึงวิธีการการทำกับข้าวเพื่อให้ทำกันได้อย่างง่ายๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อนอะไร
"โปรดสังเกต.. ที่ช่อง url ด้านบนซ้าย ถ้าเป็น https กรุณาเปลี่ยนเป็น http แล้วกด enter เข้ามาใหม่ครับ"
@ คลิกที่นี่ ดูบนyoutube... @ ภาพรับปริญญามีต่อที่นี่... @ และที่นี่อีกจ้า... @ บัณฑิตรามฯรุ่น38(2555) ทุกคณะและทุกคน โหลดคลิปที่นี่...

วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

อิอิ...ทหารเกณฑ์ ผลัด1 ผลัด2 ศึกษากันไว้..ก่อนเจอของจริง!!!

PlayList... "ผู้กองยอดรัก ยอดรักผู้กอง" (หนุ่ม-ศรราม, ติ๊ก-กัญญารัตน์) ตอน1 ถึง ตอนจบ
ดูถึงตอนไหนจำตัวเลขตอนนั้นไว้..เลือกตอนที่ต้องการ คลิกสามเหลี่ยม ด้านบนจ้า...

@ รูปสวยๆมีที่นี่... & @ และที่นี่อีกจ้า... @ ควรรู้ไว้..คำแนะนำการฝึกทหารใหม่ ปี55 & ปี56


สำหรับน้องๆ ผลัด 1/2556 ดูนะครับว่า น.3 บชร.3 เค้าทำกันยังไงตั้งแต่ขึ้นรถเลย...



" อันตราย!!! คุณ"อ่านข้อความยาวๆ"ได้หรือไม่????? คุณพิสูจน์ได้...

การที่เรียกว่า"สมาธิสั้น"นั้นเป็นการเรียกที่ไม่ค่อยถูกต้องนัก จริงๆแล้วต้องเรียกว่า"สมาธิบกพร่อง" ทั้งนี้เพราะบางคนที่เป็น ไม่ได้มีปัญหาตรงที่มีสมาธิในช่วงสั้นๆ แต่มีปัญหาในเรื่องของ การควบคุมสมาธิและการปรับเปลี่ยนสมาธิ (Selective Attention) มากกว่า! "



ชีวิต ท.ทหารเกณฑ์...รันทดยิ่งกว่านวนิยายน้ำเน่าอีกว่ะ!
โพสต์โดย: กระเด็นกระดอน

ลองอ่านๆดู ผมว่ามันฮามาก...เอามาให้อ่านกัน (ปล.ผมเล่นกระทู้ Idun)



วันที่ 30 เมษา ..... (พ.ศ.สีหมึกพิมพ์เลอะมากๆ เดาไม่ออก40หรือ50)

ถึง... ก.กระดุม

เห็นคุณเคยบอกในกระทู้ ให้ส่งข่าวคุณบ้าง วันนี้ผมว่างเลยเขียนหาคุณ ช่วงที่ผมหายไป ผมไปเป็นทหารมา สาเหตุก็จะมีห่าอะไร วันจับใบดำใบแดง แย่จังอัตรา 1 ต่อ 45 โว้ย แต่มือผมแย่จัง จับได้ใบแดง ซวยชิบหาย

วันก่อน ประดิษฐ์ จันทร์มั่น (คนละคนกับ ประดิด จันทร์หมาย ของคุณ) ถามผมว่า จริงหรือเปล่าที่ดาราที่มันเป็นทหาร ชอบพูดว่า เป็นทหารได้อะไรกว่าที่คิด... จะได้เ!้-อะไรล่ะโว้ย แต่มันก็มีบ้าง หากมองในแง่ดี ผมจะเรียงเป็นข้อๆ

1. ได้รู้ว่ามนุษย์ก่อนมีวัฒนธรรมและอารยธรรมมันอยู่กันอย่างไร
2. ได้อึด อดทน เหนื่อย!ๆ เหนื่อยแทบตาย
3. ได้รู้สภาพที่ คนเขาพูดกันว่า มีปากเหมือนมีตูดนะ มันรันทดแค่ไหนสำหรับคนปากหมาอย่างผม
4. เลี้ยงง่าย มีอะไรก็แดกได้หมดแหละ
5. เกลื้อนบนต้นแขนทั้งสองข้าง ผมอัศจรรย์โว้ย ทั้งแขนซ้ายแขนขวาแย่จังตำแหน่งเดียวกันเป๊ะ
6. กลากรูปห่าอะไรก็ไม่รู้ (แต่น้องผมว่าเหมือนสากกะเบือ) บนแผ่นหลัง
7. สังคังที่แย่จังลอกได้เหมือนงู
8. ความหน้าด้าน หน้าทน มึน แย่จังไม่รู้จักอาย

และมีอีกหลายข้อที่ผมกำลังจะเขียนให้คุณอ่านอยู่นี่...

ผมเป็นทหารสังกัด กองพันทหารราบ กรม...(ขออนุญาตตัดออก เพื่อภาพพจน์ที่ดีงามของกองทัพบก...กระเด็นกระดอน) ที่จริงกรมผมอยู่แถวสนามหลวง แต่ต้องไปฝึกทหารใหม่สองเดือนที่...(ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่ออีกเหมือนกัน...กระเด็นกระดอน) เมืองกาญจน์

คุณเอ๊ย...วันแรกที่เข้ามา พวกผมต้องพักที่กรมแถวสนามหลวงก่อน แล้วเป็นเย็นวันศุกร์ กุญแจคลังอาภรณ์เครื่องใช้ทหารอยู่กับจ่ากองร้อย แล้วจ่ากองร้อยดันเสือกไปต่างจังหวัดอีก

คุณนึกภาพตามนะ... เริ่มเย็นวันศุกร์ ออกกำลังเล็กๆน้อยๆ วิ่งรอบกองพันสามสิบรอบ (เคล็ดแย่จัง!!! เล็กๆน้อยๆของมัน...ผมแทบตาย) วิ่งโดยที่รองเท้าไม่มี วิ่งเสร็จยืนเข้าคิวตัดผม ช่างตัดผมของทัพบกนี่ฝีมือชิบหายว่ะ แย่จังตัดได้ไงใช้เวลาไม่เกินนาทีต่อหัว

คิดดูวิ่งเหนื่อยก็เหนื่อย เหงื่อก็ท่วม เสื้อก็มีแต่เศษผม แย่จังทั้งคันทั้งคาย หงุดหงิดโว้ย อาบน้ำโดยที่ไม่มีสบู่ มีขัน 10 ใบกับคน 90 คน แปรงสีฟันไม่มี ผ้าเช็ดตัวไม่มี และแน่นอนแก้ผ้าอาบ คืนนั้นผมถึงฝัน เคล็ดแย่จัง! กล้วยเต็มห้องจนจะล้มทับผม ดีที่ผมตื่นทัน

ตั้งแต่วันศุกร์ ยันเช้าวันจันทร์ ผมแย่จังเน่ากับกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดตัวเดียวที่เต็มไปด้วยเศษผม แล้วสองวันนี่แย่จังไม่ได้อยู่เฉยๆนะเว้ย เช้าวิ่งเปลือยตีน กลางวันลอกท่อ บ่ายวิ่งอีกรอบ

ลอกท่อนะ กลิ่นแย่จัง!ๆ น้องๆส้วมเลยคุณ แล้วเสื้อผ้าไม่มีเปลี่ยน กลิ่นน้ำครำแย่จังติดตัวตลอดเวลา แดกข้าวแทบไม่ลง กว่าจะถึงเช้าวันจันทร์ผมแย่จัง ร่ำๆจะถอดกางเกงในทิ้ง ก็มันทั้งชื้น ทั้งเหนอะ เวลาผมวิ่งแย่จังสีกับโคนขาเจ็บชิบหาย

เช้าวันจันทร์ถึงได้รับแจก ชุดฝึก 2 ชุด กางเกงใน กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดอย่างละ 2 ตัว ถุงเท้า รองเท้าผ้าใบ รองเท้าเดินป่า รองเท้าคอมแบทและรองเท้าแตะ อย่างละคู่ ผ้าเช็ดตัว สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ขันน้ำ ถังน้ำ เข็มด้าย กระจก แป้ง มีดโกนหนวด มีดตัดเล็บ หมอนผ้าห่ม มุ้ง เสื้อกันหนาว (เดือนพฤศจิกายนปีนั้น เมืองกาญจน์ฯ หนาวโคตร) ได้ของครบก็ถูกต้อนขึ้นรถมุ่งสู่เมืองกาญจน์

ชีวิตทหารของจริงใกล้เข้ามาแล้ว ผมระทึก

ถึงเมืองกาญจน์ 90 ชีวิต แบ่งเป็น 4 หมวด เรียงตามลำดับความสูง ผมอยู่หมวดสาม แย่จังแบ่งตามความสูงนี่ ยุติธรรมชิบหาย หมวดสี่สูงแค่สะดือหมวดหนึ่ง ถ้ามีวิ่งแข่ง หรือเตะบอล แย่จังเลิกคิดจะชนะเลยนายหมวดสี่ ผมอยู่ลำดับ 51 จับคู่เป็นบัดดี้กับ 52

เรียงลำดับเสร็จ มีบัดดี้พร้อม โดนรับน้องเลย จับคู่บัดดี้แบกฟูกรอบสนามบอล ฟูกทหารไม่ได้ยัดด้วยนุ่นหรือฟองน้ำ แต่แย่จังยัดด้วยใยมะพร้าว หนักไม่หนักไม่รู้ แต่ถ้าคุณหยุดวิ่งโอกาสโดนฟูกทับตายมีสูง กี่รอบจำไม่ได้แต่เหนื่อยเ!้-ๆ

วิ่งเสร็จก็มายืนแถว ชูฟูกเหนือหัว ฟังผู้หมวดชี้แจง พูดอะไรก็ไม่รู้ รู้อย่างเดียว แกก็พูดนาน นาน นาน นาน นานจนผมเกือบทิ้งฟูก แต่ประโยคสุดท้ายจำติดหูผมมาถึงวันนี้ คือ ยินดีต้อนรับสู่...วิทยาลัยลูกผู้ชาย...

อื้อหือ วิทยาลัยลูกผู้ชาย ฟังแล้ว ฮอร์โมนเทสโทนเทอโรน พุ่งสูงจนผมแทบชัก กว่าจะได้ขึ้นโรงนอนได้เกือบตาย สภาพโรงนอนก็โล่งๆ มีเตียงสองชั้นเหมือนที่หอนั่นแหละ โชคดีผมได้เตียงล่างไม่ต้องปีนขึ้นกระโดดลง

ครูฝึกทหารใหม่ก็มี นายทหารที่เป็นผู้ฝึก 1 คน ยศร้อยโท เราเรียกว่า ผู้หมวด ที่เหลือ ก็เป็นชั้นประทวนมีจ่าบ้างหมู่บ้าง 10 คน และพวกที่ผมเกลียดที่สุด ก็พวกผู้ช่วยครูฝึก ที่ดึงขึ้นมาจากทหารรุ่นพี่ พวกหัวกล้วยนี่เป็นเ!้-อะไรของแย่จังผมไม่รู้ แย่จังชอบวางอำนาจ ลงโทษรุนแรง ทั้งที่ไม่ได้มีหน้าที่อะไรเลย ผมด่าแม่พวก!นี่ (ในใจ) บ่อยๆแหละ ต่อไปผมจะเรียกพวกมันว่า พวกผู้ช่วยครูฝึก

กิจวัตรของพวกทหารใหม่ก็มี 5.00 น. นกหวีดปลุก เก็บผ้าห่มพับมุ้งผ้าปูเตียงตึง คว้าขันผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน เข้าส้วม และสวมเครื่องแบบให้เรียบร้อยในเวลา 15 นาที (แย่จัง! 15นาที อยู่บ้านผมยังขี้ไม่เสร็จเลย)

5.15 น. จับคนช้า 5 คน คนช้าแสดงว่าเครื่องยังไม่ร้อน วิดพื้นเร่งเครื่องก่อน 50 ครั้ง เข้าแถวหน้าเสาธง แล้วกล่าวปฏิญาณตามหัวหน้าตอน "ไม่มีอะไร ที่ทหารใหม่ทำไม่ได้ ทำไม่ไหว ทำไม่ทัน" นายเ!้-…คนนะโว้ยไม่ใช่เทวดาจะได้ทำได้ทุกอย่าง รวมแถวเสร็จก็เริ่มวิ่งวันละ 8-9 กิโล วิ่งเสร็จก็มากายบริหารอีกเป็นชั่วโมงแหละ

6.30 น. ทำความสะอาดหน่วยฝึก 7.00 น. แดกข้าว ทุกเช้ามีไมโลทุกวัน (คุณอย่านึกถึงไมโลที่ชาวบ้านชาวช่องเขากินกันนะโว้ย! นี่มันหางไมโลและหางนมข้นบวกกับเศษน้ำตาลบางวันแถมหนังยางมาด้วย) 8.00 น. ยืนตากแดดเคารพธงชาติ และเริ่มเข้าสู่นรกแห่งการฝึก

11.30 น. ขึ้นสวรรค์ (หากการขึ้นสวรรค์หมายถึงน้ำอุ่นๆ ในถังน้ำกลางแดด) 12.00 น. แดกข้าว 12.30 น. พักร้องเพลงทหาร เหมือนเพลงเชียร์อักษรแหละคุณ ว่างๆผมจะเขียนเนื้อเพลงมาให้คุณอ่าน

13.00 น. ฝึก (ถ้าคุณเรียกว่าการไปยืนตากแดดยามบ่ายจัดสลับกับการวิ่งและเดินเรียกว่าการฝึก) 16.00 น. พักการฝึก เพื่อเตรียมตัววิ่งออกกำลังกาย 16.10 น. วิ่ง และกายบริหาร 17.30 น. แดกข้าวเย็น

18.00 น. อาบน้ำ 18.30 น. เตรียมตัวเรียนหนังสือ (จดตามคำบอก เช่น โทษของยาเสพติด คนดีในสังคมมีลักษณะอย่างไร ทหารที่ดีต้อง...แหวะ...โคตรเอียน...แต่ก็ต้องจด มีตรวจสมุดด้วยนะคุณ เหมือนเด็กประถมแหละ)

20.00 น. มีอาหารว่างก่อนนอน นายเ!้- ผมก็เรียกให้ดูดีเท่านั้นแหล่ะ ที่จริงมันคือ ข้าวต้มมัด (ข้าวเหนียวใส่เศษกล้วยห่อใบตอง ไม่มีกะทิ ดิบมั่งสุกมั่ง รสชาติเหมือน...แทะรองเท้าแตะ) มัดละ 5 บาท ลูกชิ้นผ่าครึ่ง (จริงๆ) ห้าเสี้ยว 5 บาท เนี่ยะมันเป็นอาหารประเภทเนี่ยะ

เรียกว่ากินกันตาย (ต้องซื้อให้หมดด้วยนะโว้ย หากไม่หมด คนขายก็คือพวกจ่า พวกหมู่นั้นแหละจะบังคับซื้อให้หมด ถ้าไม่หมดก็เตรียมเหนื่อยก่อนนอน) อ้อ น้ำนมถั่วเหลืองโยอีก 7 บาท ทั้งหมดลงบัญชี หักจากเงินเดือน (เงินเดือน 2 เดือนแรกรู้สึก จะประมาณ พันสอง เบี้ยเลี้ยงวันละ 50 หักค่าข้าว วันละ 34 บาท ก็จะเหลือ 16 บาท แต่ขอโทษ 2 เดือนผมไม่ได้จับเงินซักบาท เขามีกฎห้ามมีเงิน กลัวทหารหนี)

20.30 น. เข้าห้องน้ำ ไปขี้ ไปเยี่ยว ขึ้นโรงนอน เตรียมตัวนอน 20.50 น. สวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตา และกล่าวคำปฏิญาณตน "ตายในสนามรบ เป็นเกียรติของทหาร ตายซะดีกว่าที่จะละทิ้งหน้าที่" พวกเรามักจะดัดแปลงเป็น "ตายในสนามรบ เป็นศพของทหาร ตายซะดีกว่าที่จะอยู่ที่นี่" 21.00 น. เป่านกหวีดปิดไฟนอน หมดไปวันหนึ่ง พรุ่งนี้จะโดนอะไรไม่รู้

นี่คือกิจวัตรที่เป็นไปตลอดสองเดือน แต่ก็มีบางอย่างเปลี่ยนไปบ้าง อย่างการปลุกมาแดกน้ำค้างมองพระจันทร์วันเพ็ญ เรียกความฟิตตอนดึก อะไรแบบนี้ (ถ้าผมไม่ขี้เกียจพิมพ์ จะเล่าให้ฟัง)


อาทิตย์แรก เนื้อตัวผมเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นจับบิด แย่จังปวดเมื่อยทั้งตัว ผมแย่จัง นั่งขี้แทบไม่ได้ ขึ้นโรงนอนก็ค่อยๆ คลานขึ้น มันระบมทั้งตัว เป็นทหารความเหนื่อยไม่ต้องถามถึง ที่นี่ไม่มีคำว่าค่อยเป็นค่อยไป ร่างกายใครไม่ไหวก็กัดฟัน คนเหมือนกันโว้ย คุณไหวผมก็ต้องไหว มันอยู่ที่ใจจริงๆนาย

รองเท้าวิ่ง (ผ้าใบ) ก็ดุยังกะหมา กัดผมอย่างไม่ปรานีปราศรัย ขอบรองเท้าแย่จังแข็งโคตร ยี่ห้อ Gold City คุณอย่าซื้อมาใช้เด็ดขาด ส่วนรองเท้าคอมแบทก็ดูแลยังกะลูก ทั้งขัดทั้งชโลมกีวีให้หนังมันนิ่ม ทหารราบตีนสำคัญกว่าใบหน้า หน้าแหกยังเดินได้แต่ตีนเจ็บโอกาสจะตายมีสูง ดังนั้นรองเท้าต้องดูแลอย่างดี เคล็ดแย่จัง!…ผมซวยโคตร รองเท้าผ้าใบกัดผมส้นเหวอะ สวมเ!้-อะไรไม่ได้นอกจากรองเท้าแตะ เวลาวิ่งลำบากชิบหาย กว่าแผลจะหายก็เป็นสิบวัน บางคนเป็นเดือนแผลก็ยังไม่หาย

ทรมานชิบหาย สามวันแรกผมนั่งขี้แทบไม่ได้ ขี้ไม่ออก จนรู้สึกว่ากลิ่นเหม็นเหมือนจะออกมาทางรูขุมขนเลยว่ะ ส้วมแย่จังก็ไม่มีกลอนเว้ย นั่งๆอยู่คุณต้องคอยใช้มือดันประตูไว้ เพื่อนบางคนแย่จังก็ขี้แกล้ง เดินมาถีบประตูเปิดแล้วเดินหนี สภาพตอนเช้านะ คุณนึกภาพนะ มีเวลา 5 นาที ห้องน้ำมี 8 ห้อง เต็ม 2 ใช้ไม่ได้ 1 เหลือ 5 ห้อง

คุณคิดดู ส้วม 5 ห้องกับคน 90 คนนะ จะวุ่นวายขนาดไหน แต่ละห้องจะมีคนต่อคิว 4-5 คน รอไปแปรงฟันไปด่าแม่คนอยู่ข้างในไป ผมก็เคย แบบ นั่งขี้อยู่ มือหนึ่งดันประตู มือหนึ่งแปรงฟัน ท้องก็เบ่งขี้ไป มันส์ชิบหายเลยคุณเอ๊ย

ส่วนมากตอนเช้าไม่ค่อยจะได้อาบน้ำกัน โธ่! กะอีแค่ล้างหน้าแปรงฟันยังแทบจะไม่ทัน วันหนึ่งอาบหนเดียวคือหกโมงเย็น ตอนอาบน้ำนี่ ไม่มีหรอกที่จะอาบแบบชาวบ้านเขาตามปกติ ห้องน้ำยาวซัก 15 เมตร แบ่งเป็นสองส่วน ด้านในเป็นส้วม ด้านนอกก่ออิฐสูงประมาณเมตรกว้างเมตรครึ่ง ยาว 5 เมตร ทำเป็นอ่างน้ำ ที่มันแคบยังงั้น เวลาอาบทีต้องอาบทีละหมวด หมวดไหนอาบก่อนก็สบาย ตักได้เต็มขันและน้ำใส หมวดสุดท้ายไม่ต้องพูดถึงน้ำขอดอ่างและตะกอน

แต่ละหมวดอาบได้ไม่เกิน 2 นาที ทิ่มแปรงสีฟันเข้าปากขยับซ้าย 3 ที ขวา 3 ที บ้วนปาก ตักน้ำราดตัวโครมๆ 5–6 ขัน ฟอกสบู่ รักแร้ที ขาหนีบที หัวกล้วยที ตักน้ำล้างสบู่ แค่นี้ก็แทบจะไม่ทัน 2 นาที บางวัน นายพวกผู้ช่วยครูก็ให้อาบสิบขัน เราก็ต้องทำตามมัน บางทียังไม่ล้างสบู่มันก็ให้วางขัน แย่จังเอ้ย คันคะเยอไปทั้งคืน


มันจะมันส์ก็ตรงกิจกรรมก่อนจะอาบน้ำนี่สิ หมวดไหนจะได้อาบก่อนก็ต้องมีวิธีการเลือก ปรกติก่อนอาบน้ำก็ต้องแก้ผ้าเตรียมไว้ก่อนอยู่แล้ว มันก็มีวิธีเลือกหลายวิธี

อย่าง...

1. หมวดไหนมีคนกล้วยใหญ่สุดได้อาบก่อน ถ้ากติกานี้หมวดหนึ่งได้อาบก่อนใคร ก็นายเ!้-บางคน แย่จังไปฉีดมาโว้ย ผมเห็นยังกลัวเลย ผมว่าแย่จังท่อนแขนดีๆนี่เอง มันบอกเคยไปเที่ยวแล้วอีตัวไม่รับ ส่วนผมเท่าที่เทียบกับคนอื่นนะ อืม!!!!! คิดว่ามาตรฐานว่ะ ฮะ...ฮะ...ฮะ (คุณอย่าคิดว่าตัวใหญ่แล้ว กล้วยแย่จังต้องใหญ่ตามนะโว้ย คุณดูนายดิดดิ แย่จังใหญ่แต่ตัว ส่วนอื่นเท่านิ้วชี้)

2. หมวดไหนกล้วยจะขยายเร็วสุด โดยห้ามใช้มือปั่น ยืนแก้ผ้าเข้าแถวตอน แล้วก็ยืนคิดโว้ย คุณก็จินตนาการไปดิ นางเอก นางแบบ ใครก็ได้ที่แย่จังสวยๆ ก็ยืนไป ขมิบไปจินตนาการไป ผมว่าแย่จังเมื่อยมากกว่า กติกานี้จินตนาการแย่จังต้องเลิศ และไม่ค่อยมีหมวดไหนผูกขาด ส่วนมากก็ผลัดกันชนะ

3. หมวดไหนจะมีลีลาถูกใจสิบเวรมากที่สุด ลีลาก็ไม่ใช่ลีลาห่าอะไรหรอก ถ้าพูดแบบสุภาพก็แบบกาลามสูตร ถ้าพูดภาษาทหารก็แบบท่าคนเอากัน ก็ส่งตัวแทนออกมาหมวดละคู่ แต่ละคู่ก็โชว์ท่าที่คิดว่าเด็ดสุด งัดแย่จังมาหมดแหละนาย ธรรมดาๆ อย่าง Crawl , Missionary หรือ Futon น่ะเด็กๆ เก็บไว้ใช้คนเดียว ทั้งคนสั่งคนทำ แย่จังจัญไรจริงๆ (ใครไม่รู้ว่า Crawl, Missionary หรือ Futon นี่คืออะไร ถามนายตุ๊กได้ นายนี่มันเชี่ยวชาญ)...เป็นต้น (มีอีกมากอุบาทว์จัญไรอัปรีย์สีกระบาลกว่านี้อีก)

เห็นไหมกว่าแย่จังจะได้อาบน้ำแต่ละทีมันไม่ธรรมดา นี่แค่ขั้นเตรียมตัวก่อนอาบนะโว้ย ในห้องน้ำก็มีวิธีอาบเหมือนกัน เช่น เล่นรถไฟคน แก้ผ้านั่งเป็นแถวตอนหันหน้าไปทางเดียวกัน คนข้างหลังสอดขาเข้าสะเอวคนหน้า หนีบขาไว้ กล้วยชนหลังเพื่อนข้างหน้า ใช้มือสองข้างยันตัวไว้แล้วก็เขยื้อนๆไปข้างหน้า มีพวกผู้ช่วยครูคอยสาดน้ำ บางเวลาก็ให้ใช้ส้นตีน…เอ้ย…ขอโทษ ส้นเท้า บี้ไปที่กล้วยของคนข้างหน้า ก้นถูไปกับพื้นปูน เคล็ดแย่จัง เจ็บโคตร

อาบน้ำแบบสามัคคี คน 90 คน ลงอ่างอาบน้ำให้หมด นาย! คิดได้ยังไง อ่างก็เล็ก แต่แย่จังก็ลงได้ว่ะ คนตัวเล็กถูกบีบแทบแบน เนื้อแนบเนื้อ ก้นแนบก้น กล้วยแนบกล้วย คงมีหลายคนที่ใยกล้วยพันกันผมว่า

นี่แค่การอาบน้ำในห้องน้ำนะ อาบน้ำนอกสถานที่ก็มี หลังหน่วยฝึกจะมีสระน้ำอยู่สระ ใครไปฝึก รด.ที่เขาชนวัว คงเคยเห็นสถานีที่ต้องไต่เชือกเส้นเดียวข้ามลำน้ำสระนั่นแหละ สระก็ไม่ใช่สระปกติ แต่มันคือสระบัว ไม่ใช่บัวแดงที่ก้านหรือต้นมันลื่น ๆ แต่นี่มันเป็นบัวหลวง เต็มพรึดทั้งสระ ทั้งก้านทั้งต้นทั้งใบ มีหนามเล็กๆขึ้นเต็ม

"พวกคุณจะอาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์หรือ ได้ ผมอนุญาต" สิบเวรว่าอย่างนั้น แล้วให้ตั้งแถววิ่งไปสระซึ่งห่างประมาณ 300 เมตร และแน่นอน แก้ผ้า ผ้าขาวม้าพันคอ วิ่งโทงๆ คุณนึกดูเวลาวิ่งทั้งกล้วยทั้งไข่มันก็แกว่งกระทบหน้าขาดังเปาะแปะๆ เจ็บชิบหาย ถ้าใช้มือกุม มันก็วิ่งไม่ทันเพื่อน กว่าจะถึงสระก็ระบม

ถึงสระ...ยืนแถวหน้ากระดานริมสระ พอได้ยินเสียงนกหวีดก็โผลงน้ำ แทบสะดุ้ง เคล็ดแย่จังเอ้ย ก็หนามบนก้านบัวนะสิ จะถอยหลังก็ไม่ได้จำใจต้องลุยน้ำขึ้นไปอีกฝั่ง มือหนึ่งแหวกทาง มือหนึ่งกุมกล้วยไว้ ส่วนอื่นบาดเจ็บช่างมัน กล้วยต้องอยู่ก่อน ทั้งแข้งขาและลำตัวโดนก้านบัวข่วนเป็นริ้วๆ ลายพร้อยทั้งตัว ในใจก็ด่าพ่อล่อแม่นายคนเสนอความคิดขออาบน้ำนอกสถานที่ นาย!อยู่ดีไม่ว่าดี

แล้วรอยข่วนของบัวนะ ทรมานเ!้-ๆ ห่มผ้าแทบไม่ได้ เพราะผ้าห่มจะติดแผล สวมชุดฝึกก็ลำบากเพราะกางเกงขายาวมัดเสียดสีกับรอยแผล ปวดน้ำตาเล็ด แป้งมีเท่าไหร่ชโลมลงไป โชคดีอย่างเดียว คือกล้วยไม่เป็นไร นั่นคือการอาบน้ำสระใหญ่ มีสระเล็กอีก

สระเล็ก ไม่ใช่สระ มันคือบ่อน้ำทิ้ง ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก บ่อน้ำทิ้ง ที่รองรับ น้ำเยี่ยว น้ำล้างจาน น้ำล้างส้วม และล้างอะไรอีกสองสามอย่าง สถานภาพมันดีกว่าหลุมขี้หน่อยเดียว

สระเล็กกว้างซัก 4X4 เมตร ลึกประมานเมตร รองรับคลองส่งน้ำเสียที่กว้างซัก 50 เซ็นต์ มาจากห้องน้ำและห้องครัวนาย คลองนี้ก็ยาวเกือบร้อยเมตรได้

ก็สิบเวรคนเดิมนั่นแหล่ะ ก่อนอาบน้ำก็บอกว่า จะพาไปแอบดูลูกสาวจ่าสินอาบน้ำ ให้ไปกันเงียบแบบคลานไปเหมือนไปซุ่มโจมตีข้าศึก ผมใจหายวาบ อีกแล้ว มาทำนองนี้เหนื่อยอีกแล้ว

พวกเราก็หมอบคลานไปเป็นแถวและแน่นอนแก้ผ้า คุณเอ๊ย!…ทรมาน!ๆ คิดดู พวกผมต้องคลานต่ำ และคลานต่ำก้นก็จะสูงไม่ได้ ถ้าสูงข้าศึกก็จะเห็น และพอก้นไม่สูงกล้วยก็ต้องติดพื้น ถลอกปอกเปิกหมดแหล่ะ ใครก้นสูงสิบเวรก็จะเดินไปกระทืบก้นให้แนบดิน ช่วงที่เป็นหญ้าไม่เท่าไหร่ นายที่เป็นลูกรังนี่สิ ฮือ…สงสารกล้วย

คลานลงไปในคลองน้ำทิ้ง ไม่ต้องห่วงเรื่องความเหม็น แถกเหงือกเถลือกไถลตามคลอง ระวังน้ำเข้าปากมั่ง ระวังตีนนายคนหน้าถีบยอดหน้าเอาบ้าง ระวังกล้วยมั่ง พอไถลลงสระเล็กหมดทุกคน ก็เป็นการอาบน้ำและดำน้ำแข่งกัน ใครโผล่ขึ้นก่อนสามคนแรก ไปไถลตามคลองมาใหม่ แทบตาย เหม็นแทบอ้วก

ยุงก็ชุมซ้ำยังแก้ผ้าอีก เสียงยุงยังกะเสียงเครื่องบิน ยุงเมืองกาญจน์ ตัวแย่จริงยังกะแมงวัน ต้องอยู่นิ่งๆ จะยกมือไล่ยุงก็ไม่ได้ใครหยุกหยิก หรือหายใจแรง ถ้าสิบเวรได้ยินก็ซวย เขาบอกว่า ฝึกความอดทนในการซุ่มโจมตี ผมจะอ้วกหลายครั้ง เคล็ดแย่จัง ผะอืดผะอม ผมว่าถ้าใครอ้วกออกมาก่อน คงมีเพื่อนอ้วกตามมาไม่ต่ำกว่าสิบแหละ คืนนั้นกว่าจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่ง เฮ้อ!!!!!! แต่ก็รอดมาได้...

นี่ผมเล่าแค่การอาบน้ำนะ ซึ่งที่จริง วิธีอาบน้ำยังมีอีกแยะ ลูกเล่นของสิบเวรแต่ละคน ไม่ซ้ำกัน ยังมีอีกมากที่ผมอยากเล่า (ถ้าคุณคิดว่าคุณอยากฟัง) อย่าง -กินข้าว -ฝึกวิ่ง -เดิน -ยิงปืน -แทงใกล้ -แทงไกล -ผี-ปิศาจ-อูยเยอะแยะนาย

กิจกรรมพวกนี้ไม่มีหรอกที่จะเหมือนชาวบ้านเขาน่ะ ไว้ว่างๆ ผมจะเล่าให้ฟัง ผมขี้เกียจพิมพ์โว้ย เสียเงินเสียทอง

โชคดีคุณ

จาก...ตองหนึ่ง


ฉบับที่สอง...

ประสบการณ์ชีวิตผม ในช่วงสองเดือนของการฝึก ให้อะไรผมมาก ความแกร่งหนึ่งล่ะ ความเป็นนักสู้หนึ่งล่ะ ต้องกัดฟันสู้กับความเหนื่อยยากทั้งกายและใจ ได้เรียนรู้ถึงความอดทนอดกลั้นของจิตใจ จากคำก่นด่าคำเยอะเย้ยถากถางสบประมาท ได้รับรู้ถึงความรู้สึกหิวโหย อ้างว้าง ท้อแท้ ซาบซึ้งในรสชาติของคำว่าเพื่อน ได้เห็นถึงธาตุแท้และความเห็นแก่ตัวของคนบางคน

และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ได้รู้ว่า จิตใจเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ จิตใจเป็นพละกำลังที่แข็งแกร่งกว่าร่างกาย และกว่าสิ่งใดทั้งหมด บางเวลาที่ผมหมดแรงแทบจะเดินไม่ไหว เหนื่อยสายตัวแทบขาด ทั้งหมวกเหล็ก ปืน เป้ ที่ถืออยู่มันช่างหนักเหมือนแขวนโลกทั้งใบไว้กับตัว ในภาวะที่ร่างกายแย่สุดสุดแบบนี้ ที่รอดมาได้ก็เพราะจิตใจที่เข้มแข็งที่เป็นตัวกระตุ้นให้ผมสู้ต่อไป คนที่ไม่เคยผ่าน "กระบวนการกดดัน บีบคั้น เพื่อทดสอบพลังกายพลังใจ" ไม่เคยผ่าน "วิทยาลัยลูกผู้ชาย" คงยากที่จะเข้าใจสภาพเช่นนี้ได้

ครั้งที่แล้วผมเล่าถึงการอาบน้ำใช่ไหม ผมคิดอะไรออกก็เล่าไปตามที่ผมคิดแหละ ไม่ได้เรียงลำดับ ถ้างง ก็ช่างหัวคุณ ครั้งนี้ผมจะเล่าถึงการแดกข้าวมั่ง ต่อไปนี้คือเรื่องจริงที่โลกต้องรู้ถึงความอุบาทว์ของกองกำลังพลชนกลุ่มน้อยตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่า

เริ่มมื้อเช้าก่อน เมนูส่วนมากจะเป็นต้มจืดหรือจับฉ่าย ที่เจอบ่อยก็มี ไข่น้ำ (เจียวไข่เสร็จ ซอยหรือสับเป็นชิ้นเล็ก โยนลงในหม้อน้ำซุบ ผักชี ต้นหอม เนี่ยวิธีทำไข่น้ำ) ต้มฟักโครงไก่ (ฟักก็ปอกเปลือกมั่งไม่ปอกมั่ง หั่นเล็กบ้างใหญ่บ้างตามอารมณ์คนหั่น โครงไก่ก็สักแต่ว่าสับเสร็จก็โยนลงหม้อ จบ) จับฉ่าย (ผักล้วนๆ อย่าหวังว่าจะมีชิ้นหมู ถ้าวันไหนในถาดมีมันหมูติดมาด้วยวันนั้นโชคดีตลอดวัน)

มื้อเช้ามีไมโลด้วยคนละแก้ว เวลาแดกข้าวมีถาดหลุมคนละใบ แต่ละหมวดผลัดกันจัดเวรเลี้ยง ก็ตักข้าว กับข้าว น้ำปลาพริก (หรือน้ำต้มกระดูกหมาใส่เกลือก็ไม่รู้) ใส่ถาดหลุม วางไว้บนโต๊ะ รอเพื่อนมาแดก ส่วนช้อนของใครของมัน ต้องมีช้อนติดกระเป๋ากางเกงไปตลอดด้วยตลอดเวลา ใครทำหายก็แดกมือไป ช้อนก็ใช่ว่าจะสะอาดนะ ตกดินมั่ง ลงน้ำครำมั่ง ก่อนกินเพื่ออนามัยที่ดีเราก็เช็ดกับเสื้อสองสามแผล่บ ก็สะอาดแล้ว

การกินนี่แหละ เสมอภาคที่สุด ทุกคนตั้งแต่หัวหน้าแก๊งค์ ยัน ไพร่ราบพลเลวต้องแดกข้าวหม้อเดียวกัน กับเหมือนกัน จะต่างก็ตรงที่ ถ้าวันไหนมีแกงไก่ใส่มะเขือ พวกหัวหน้าแก๊งค์ ก็จะได้กินไก่ ส่วนไพร่ราบพลเลวก็แดกมะเขือไป

ในบางวันพวกผู้ช่วยครูมันจะสั่งให้เทไมโลลงถาดข้าว เทกับข้าวผสม ปนๆกันเละๆ เหมือนอ้วกหมาน่ะแหละ ผะอืดผะอมขนาดไหนก็ต้องแดก ไม่งั้นไม่มีแรง แล้วนายพวกนี่เป็นเ!้-อะไรก็ไม่รู้นะ ชอบบังคับให้แดกข้าวหมดถาด

อ้อ! เล่าข้ามไป ก่อนแดกก็ต้อง ขัดฉาก ก่อน ขัดฉาก ก็คือ ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาข้างหน้าแล้วงอข้อศอกเข้าหากัน ใช้มือขวาตบไปที่ข้อศอกของมือซ้ายให้เสียงดัง ตัวตรง (ใครเรียน ร.ด.มาต้องรู้) แล้วเวลาขัดฉากต้องพร้อมกันนะเว้ย หากได้ยินคนละแปะ สองแปะ ล่ะก็ ข้าวมื้อนั้นแทบไม่ต้องแดก ขัดฉากอยู่นั่นแหละ

ขัดฉากเสร็จก็ต้องกล่าว "ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง เป็นของมีค่า ผู้คนอดอยาก มีมากนักหนา สงสารชาวนา เด็กตาดำๆ ขอขอบคุณชาวนาทุกคน ที่ปลูกข้าวให้เรากิน เราจะกินไม่ให้เหลือแม้แต่เม็ดเดียว" แล้วค่อยเอาฉากลง และถึงลงมือกิน บางหนแย่จังก็แกล้ง เราขัดฉากเสร็จ ก็ไม่ยอมสั่งเอาลง อบรมอยู่นั่นแหละ มือก็เมื่อยจนสั่น จะทำอะไรแย่จังก็ไม่ได้นอกจากด่าในใจ

เวลากินห้ามเกิดเสียงดัง ถ้าได้ยินช้อนกระทบถาดดังเบาๆ ล่ะก็ มันจะสั่งให้เก็บช้อน และใช้มือ ถ้าใช้มือยังมีเสียงถาดกระแทกโต๊ะอีก แย่จังก็สั่งให้แดกแบบหมา คือมือขัดหลังก้มหน้าใช้ปากเลียและขย้ำข้าว แย่จัง! นายพวกนี่แย่จังโรคจิต สิ่งไหนที่ทำแล้วทหารลำบาก ทรมาน มันชอบ...นาย

ถาดหลุมนี้ก็เหมือนกัน วันดีคืนซวย จ่าครูฝึกก็โวยวาย มันล้างถาดกันยังไงโว้ย เม็ดข้าวแห้งยังติดขอบถาดอยู่เลย ถาดใบนิดเดียวล้างไม่สะอาดใช่ไหม งั้นพวกคุณไม่ต้องล้าง กินอิ่มแล้วนำถาดไปตากแดดริมถนนหน้าโรงเลี้ยง เดี๋ยวผมจะให้ลูกน้องผมล้างให้

ผมนึกกลัวอยู่ในใจว่า มันจะมาไม้ไหนวะ และความจริงก็ปรากฏ ถาดทุกใบที่วางตามริมถนนจะมีเศษอาหารติดอยู่ แล้วพนักงานทำความสะอาดก็ปรากฏ ทั้งคุณดำ คุณแดง คุณด่างพร้อมลูกๆ พร้อมใจกันเก็บกวาดซะเกลี้ยงเป็นมันแผลบ หากมีเครื่องล้างจานบางเครื่องมีเชื้อบ้า คงได้กลัวน้ำกันทั้งแก๊งค์ ถึงเวลาอาหารมื้อต่อไป ก็หยิบไปตักข้าวมากินโดยไม่ต้องล้างซ้ำ หึ…หึ…หึ… เครื่องล้างจานอัตโนมัติ ใครจะยืมไปใช้บ้าง ก็เชิญ

คุณจำได้ไหมตอนว้ากชาย รุ่นพี่ให้แดกเงาะลูกเดียวเราสะอิดสะเอียนกันแทบตาย แต่อยู่ที่นี่เป็นเรื่องปกติ เวลาฝึกล้มลุกคลุกคลานกลางแดดแผดเปรี้ยง คอแห้งเป็นผง ยังไม่ถึงเวลาพักแดกน้ำไม่ได้ แต่มีนายบ้าคนหนึ่งสำออย ขออนุญาตแดกน้ำ ซึ่งเป็นความผิดมหันต์ (พวกเราจะถูกสั่งให้ทำเป็นเวลา จะขี้ จะเยี่ยว แดกน้ำอะไรนี่ ต้องนอกเหนือเวลาฝึก)

วันนั้นจ่าครูฝึกก็ใจดีให้กินได้ แต่ต้องกินทุกคน จับคู่บัดดี้ ใครเลขคี่ ให้เป็นคนไปเอาน้ำมาให้คู่ตัวเองกินก่อน และแน่นอนไม่มีแก้ว ไม่มีภาชนะอะไรทั้งสิ้น มีอยู่อย่างเดียว ก็ปากและกระพุ้งแก้มของเรานี่ไง ก้มหน้าดูดน้ำจากถังเต็มปากกลืนครึ่งหนึ่ง เหลืออีกครึ่งนำไปป้อนบัดดี้ที่นั่งอ้าปากเป็นลูกนก รอน้ำจากเราอยู่ คุณเอ๊ย มีการสั่งให้กลั้วคอด้วยนะ โชคดีที่ผมเลขที่ 51 เป็นผู้ป้อน ไม่ใช่ผู้ถูกป้อน...

ถ้าวันไหนพวกจ่าครูฝึกไม่มีอะไรเล่นก็หันไปเล่นขั้นพื้นฐาน อย่างฝึกๆอยู่ แกก็ปลิ้นลูกอมออกจากกระเป๋าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ และตะโกนถามว่า ใครจะอมฮอลล์มั่ง ถึงขั้นนี้แล้วคุณจะเงียบหรือตอบรับก็มีผลเหมือนกันคือ แดกฮอลล์เม็ดนั้นแหละนาย ของเล่นพวกนี่ก็มีเรื่อยๆแหล่ะ ฮอลล์มั่ง น้ำแข็งมั่ง เถาบรเพ็ดมั่ง พริกมั่ง แต่ที่เด็ดสุดก็คือ หมากฝรั่ง เคี้ยวคนละ 5 ครั้ง แล้วส่งต่อ อี๋…แน่นอน ห้ามใช้มือช่วย อยู่สองเดือน ผมแทบจะจำรสชาติริมฝีปากและน้ำลายของบัดดี้ผมได้

ตอนแดกข้าวถ้าเจอสิบเวรดี ก็ได้กินเหมือนสามัญชน ถ้าเจอพวกจิตวิปลาสก็เหนื่อยกว่าจะอิ่ม มื้อไหนมีไข่พะโล้ สิบเวรก็จะใจดียกไข่ในถาดของแกให้พวกเรา ใบเดียวนั่นแหละ แดกไปเหอะทั้ง 90 คน

คนแรกไม่เท่าไหร่อมเข้าไปในปาก แล้วออกมากัดไข่ขาวนิดนึงแล้วส่งต่อ นายคนกลางๆ และท้ายแถวนี่สิ ซวย... เมื่อไข่ขาวหมดจะเหลือไข่แดง และไข่แดงเวลาเจอน้ำลายก็แย่จังยุ่ยง่าย ออกจากปากทีมันจะเละ น้ำลายใครต่อใครก็จะยืดติดประสานกันเป็นก้อน แหวะ...

บางมื้อมีไข่ต้ม สิบเวรก็ห้ามปอกแดกแย่จังทั้งเปลือกนั่นแหละ เวลาเคี้ยวยังกะเคี้ยวทรายเป็นกำมือ แต่ก็ดีรู้ว่าเปลือกไข่ก็แดกได้และรสชาติก็ดูดีกว่าหมากฝรั่งสามัคคีซะอีก

มื้อเช้ากับมื้อกลางวันไม่เท่าไหร่ ไม่ค่อยมีเวลาให้สิบเวรเล่นมากนักเพราะเวลามันจำกัด ต้องฝึกตามเวลา แต่มื้อเย็นนี่สิ สุดยอด...เล่นได้เต็มที่ บางเย็นสิบเวรก็ประกาศ เบื่อบรรยากาศโรงเลี้ยงโว้ย และเดินนำพวกเราไปหลังส้วม

ใช่! หลังส้วม นั่งล้อมวงรอบหลุมแล้วเปิดฝาส้วมขึ้น หือ...เวลาเปิดฝาส้วมนะคุณ กองทัพแมลงสาบเป็นพันบินว่อน นายคนไหนอยู่ใกล้หลุมมาก แมลงสาบก็รักคนนั้นมาก ทั้งถาดข้าว เนื้อตัว ก็กลายเป็นสถานที่พักพิงชั่วคราวของมัน แล้วคำสั่งก็ตามมา ห้ามไล่แมลงสาบเพราะมันเป็นเจ้าถิ่น เจออย่างนี้ทำได้อย่างเดียวคือก้มหน้าก้มตากิน อย่ามองบรรยากาศรอบข้าง รีบกินรีบกลืนถ้าติดคอก็น้ำยัดตามลงไป เฮ้อ! อิ่ม

บางเย็นก็สิบเวรคนเก่านั่นแหละ ก็ประกาศ วันนี้เราจะกินข้าวแบบเด็กที่ฟันยังไม่ขึ้น ผมสะดุ้ง อีกแล้ว วันนี้แดกข้าวลำบากแน่ ให้ทุกนายนั่งประจำที่ ตักข้าวขึ้นมาหนึ่งช้อนเคี้ยวให้ละเอียด แต่ห้ามกลืนให้คายลงไปที่ถาดเหมือนเดิม เสร็จแล้วให้วิ่งออกนอกโรงเลี้ยง ตั้งแถวเข้ามาใหม่ ห้ามนั่งประจำที่เดิม ซวยล่ะสิ ต้องแดกขี้ปากใครก็ไม่รู้ ดูในถาดนะ มันจะเป็นโจ้กเลยอะ ข้าวละเอียด ผักละเอียด ถ้าเติมน้ำส้มหน่อยใช่เลย อ้วก...

บางเย็นก็กินแบบพระธุดงค์ ก็ไม่มีอะไรมากนอกจาก ข้าว กับข้าว ของหวาน รวมในหม้อเดียว กลัวว่าจะไม่คลุกเคล้าเข้ากันเหรอ ได้ ให้ทุกนายมือล้วงลงในกางเกง เกาข้างซ้าย 3 ที ข้างขวา 3 ที แล้วก็ใช้มือข้างนั้นแหละ ล้วงลงในหม้อคนให้เข้ากัน 90 คน 90 มือ 180 ไข่ คนเสร็จก็ใช้สองมือกอบข้าวในหม้อนั้นใส่ถาดตน ห้ามใช้ช้อน วันนี้แดกมือ ในถาดมันก็จะเป็นข้าวเละๆ ผักชิ้นเล็กๆ เม็ดพริกจากน้ำพริก ที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำเชื่อมของถั่วเขียวต้มน้ำตาล

ฮือ...ผมสะอื้นในอก ใครหนอบอกเมืองไทยอุดมสมบูรณ์ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เราจะเป็นครัวของโลก แต่อาหารที่ผมจะกินในมื้อนี้มันช่างลำบากแสนเข็ญนักหนากว่าจะกลืนลงแต่ละคำ ผม ถอนสะอื้น ถ้าเด็กน้อยผู้หิวโหย ชาวเอธิโอเปียมาเห็นมันก็คงเบือนหน้าหนี

แม้ว่าช่วงมื้อเช้าเราจะไม่ค่อยโดนเล่นนักในเวลากินข้าว แต่ก็มีอยู่วันหนึ่ง หลังจากตื่นนอน วิ่งออกกำลังกายกันแล้ว เราก็เล่นแถวชิดต่อ (เล่นแถวชิด-พวกที่เคยเรียน รด.น่าจะรู้ ใครไม่รู้คราวหลังจะอธิบายให้ฟัง) เล่นแถวชิดเหนื่อยแทบรากเลือดจวนได้เวลาแดกข้าว ครูฝึกจะปล่อยไปกินข้าวอยู่แล้วเชียว

แต่นายเ!้- ตัวหนึ่งอยู่หมวด 4 เสือกยกมือขออนุญาตเข้าห้องน้ำ (ถือว่าผิดมารยาทอย่างมหันต์) ครูฝึกก็เกิดพุทธิปัญญาขึ้น ให้นายเ!้-นั่นออกไปขี้หน้าแถวเลย แย่จังก็หน้าด้านออกไปจริงๆ (มันคงทนไม่ไหว) ยังหรอก ถ้าขี้หน้าแถวเพื่อนที่อยู่ข้างหลังก็จะไม่เห็น บนนู้นเลย บนแสตนด์เชียร์ แย่จังก็ขึ้น ตอนนี้ขอบรรยายเป็นภาพสโลว์นะ และกรุณาอ่านช้าๆ และอ่านสองครั้ง เพื่อจะได้อินในบรรยากาศ

นายเ!้-นั่น ค่อยๆ...ก้าวขึ้นบนแสตนด์แล้วครับ
นายเ!้-นั่น ค่อยๆ...ก้าวขึ้นบนแสตนด์แล้วครับ

ปลดเข็มขัดอย่างช้าๆ แล้วครับ
ปลดเข็มขัดอย่างช้าๆ แล้วครับ

ถอดกางเกง...แล้วครับ
ถอดกางเกง...แล้วครับ

ค่อยๆ...นั่งลง...แล้วครับ
ค่อยๆ...นั่งลง...แล้วครับ

กล้วยขยายทีละน้อยๆ ๆ แล้วครับ
กล้วยขยายทีละน้อยๆ ๆ แล้วครับ

น้ำพุ่งเป็นสาย...จากปลายกล้วยแล้วครับ
น้ำพุ่งเป็นสาย...จากปลายกล้วยแล้วครับ

ก้อนสีเหลือง...โผล่ออกมาจากด้านหลังช้าๆ ๆ ๆ แล้วครับ
ก้อนสีเหลือง...โผล่ออกมาจากด้านหลังช้าๆ ๆ ๆ แล้วครับ

ก้อนนั้นค่อยๆ...ล่องลอยเหมือนขนนกล้อเล่นลม
ก้อนนั้นค่อยๆ...ล่องลอยเหมือนขนนกล้อเล่นลม

(ภาพหยุดนิดหนึ่ง)
........................
........................
(อ่านตามปกติได้แล้วครับ)

เผละ!...นาย เจ้าก้อนนั้นหล่นบนพื้น ก่อนจะตามมาเป็นสายอีกสี่ห้าก้อนติดๆ เศษเล็กเศษน้อย กระดอนกระเด็นตามแรงตก

นายเ!้-นั่น พอเสร็จธุระของมันสบายเนื้อสบายตัวเรียบร้อยแล้ว ก็หันมาโปรยยิ้มให้ผองเพื่อน แย่จังหน้าด้านจริงๆ คงสงสัยล่ะสิไม่มีกระดาษไม่มีน้ำ มันทำความสะอาดร่างกายมันยังไง...

บัดดี้ของมันนะสิ วิ่งไปหากิ่งไม้แห้งๆ 3-4 กิ่ง มายื่นให้มัน เคยไหมใช้ไม้แทนกระดาษ ขอโทษไม่หมดแค่นี้ เนื่องจากเศษเล็กเศษน้อยสีเหลืองกระเด็นไปติดขาแสตนด์มั่ง สนามบอลมั่ง ซึ่งมันสกปรก และโสโครก ดังนั้นครูฝึกจึงให้ทำความสะอาดให้เรียบร้อย อ๊ะ...อ๊ะ…อย่าคิดถึง ถุงพลาสติก หนังสือพิมพ์ หรือวัสดุอะไรทั้งสิ้น

มือ ครับ มันคือ มือ ทหารทุกนาย ยื่นมือข้างที่ไม่ถนัดออกมา ชูนิ้วชี้ขึ้น ใช้นิ้วนั่นแหละจิ้มลงไปและตวัดขึ้นมาให้ชิ้นสีเหลืองอุ่นๆ ติดปลายนิ้ว ให้ได้ขนาดเท่าเม็ดถั่วลิสง ให้หมวดหนึ่งจิ้มก่อนโดนไปเต็มๆ เลยคุณ หมวดสี่สบายไม่ค่อยเจอเนื้อส่วนมากจะเป็นน้ำๆ มากกว่า

ยังครับ จิ้มเสร็จแล้ว ยังล้างไม่ได้ ใกล้เวลาอาหารเช้าแล้ว ทุกคนเข้าแถวยกนิ้วชี้อยู่ระดับจมูก เดินไปกินข้าว เดินนับก้าวไป สูดลมหายใจแรงๆไป อา...สดชื่น...

ยัง ยังล้างไม่ได้ มันเปลืองน้ำ นั่งประจำถาดข้าว หยิบช้อนขึ้นมา วันนี้กินข้าวตามเสียง คำสั่งเริ่ม นั่งตัวตรง หยิบช้อน ตักกับข้าว ราดข้าว ยกช้อนขึ้นเสมอปาก นิ้วชี้ที่มีผลิตผลของเพื่อนอยู่ ขยับเข้ามาใกล้จมูก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยตักข้าวใส่ปาก มันจะเป็นจังหวะแบบนี้ เริ่ม หยิบช้อน ตัก ยก ยื่น สูด กิน เคี้ยว

...ตัก ยก ยื่น สูด กิน เคี้ยว
...ตัก ยก ยื่น สูด กิน เคี้ยว

มื้อนั้นผมแดกข้าวพร้อมน้ำตา ไม่ใช่ซึ้ง ไม่ใช่โกรธ แต่มันจะอ้วก ข้าวมื้อนั้นฝืดคอฉิบหาย

วันนี้พอแค่นี้ ทั้งหมดมันคือการฝึก ทั้งครูฝึกทั้งผู้ช่วยครูฝึก ต่างก็โดนมาแบบนี้ทั้งนั้น

อาหารในสนามรบเลวกว่านี้ ไม่งั้นซีอุย คงไม่ติดใจเนื้อมนุษย์แน่ เย่ เข้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กว่าจะหมดสาด เยอะเ!้ๆๆๆเลย

โชคดีคุณ

จาก...ตองหนึ่ง

ปล. ผมไม่ได้รู้จักกับคนเขียนหรอก เพื่อนมันส่งมา อยากให้เพื่อนๆได้อ่านดู มันตลกปนเศร้านะสำหรับคนที่เป็น ก็อยากให้เพื่อนๆที่ได้อ่าน ช่วยขุดๆนะ เผื่อว่าคนอื่นๆจะได้อ่านบ้าง เพื่อนผมมันได้มาอีกชุดแต่ยังไม่ส่งให้ผมเลย ว่างๆจะเอามาโพสต์ใหม่นะ...

จาก...กระเด็นกระดอน


ขอขุดมั่ง...

ของผมนี่ทหารเรือ วีรกรรมที่ผมคิดว่าจ่าแมร่งเล่นเราแรงสุดๆ คือว่าโดนสั่งให้ไปรบในวันหยุด รบที่ว่านี่ไม่ใช่รบกับต่างชาตินะครับ นี่เลย รบกับหญ้าฆ่ากับมด วันเสาร์-อาทิตย์นี่พวกเราไม่หยุด เราจะรบกันทั้งวันตากแดดทั้งวัน แล้วก็ดูดส้วมกันเองที่กองร้อยเป็นประจำทุกอาทิตย์ มันจะมีเครื่องสูบน้ำ แต่มันใช้เป็นเครื่องสูบขี้

แล้วสายสูบนี่...ใช่เลยครับมันเป็นรูๆเพียบเลยครับ มันจะให้พวกเราเข้าแถวยืนชมสายสูบที่มันกระเพื่อมๆ แล้วขี้ก็จะโดดเข้าหาคนที่มองมันไง ถึงเวลากินข้าวก็ไปกับเศษขี้ที่มันติดเสื้อคุณๆน่ะแหละ กลิ่นไม่ต้องพูดถึง

พอกินเสร็จก็ไปถางหญ้าต่อ ใครหยอกกันเล่นกัน ก็โดนไปโดดถังพักขี้ เรียกง่ายๆก็บ่อขี้น่ะแหละ โดดลงไปเหลือแต่หัว แล้วก็ขึ้นมาตากแดดให้ขี้ที่ติดตามตัวแห้ง แล้วโดดไปใหม่ เสร็จแล้วใครที่เป็นบัดดี้ก็ซวยไป ต้องไปอาบน้ำด้วยกัน ของผมนี่แค่เอาแขนจุ่มลงไป ที่จำได้แม่นเลยก็แค่นี้แหละ หะหะ อยากลองก็ไปได้เลย ศูนย์ฝึกทหารใหม่ สัต!บ

เรื่องทุเรศๆแบบนี้มันบอกว่าเป็นการฝึกจิตใจครับ ให้เราพร้อมสำหรับทุกๆอย่าง นี่ผมปลดมา 3 ปีแล้ว เลยคิดได้อยู่อย่างนึง ชีวิตตอนเป็นทหารเคยลำบากมากที่สุดในชีวิตแล้ว พอเราปลดออกมาแล้วทำให้เราไม่กลัวอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าอะไรจะลำบากแค่ไหน พอเราเอาไปเทียบกับที่เคยผ่านมาตอนเป็นทหาร เรื่องที่ว่าลำบากจะกลายเป็นเรื่องง่ายทันที แล้วเราจะมีกำลังใจต่อไป

ขอเม้นท์มั่ง...

นายเอ้ย...ขอบคุณมากเลยที่เล่าให้ฟัง ผมเรียน รด.นะครับ แต่ผมอยากเป็นทหารสะด้วยดิ สนุกน่าดูเลย โชคดีผมเป็นคนฝืนสังขาร วิ่งทั้งทีผมวิ่งไม่หยุดนะครับ ถ้าครูไม่สั่งให้หยุด เหมือนผมเป็นแนวชอบทรมานตัวเอง แต่แย่จังเอ้ย...พอเค้าให้หยุดนี้ดิ เหนื่อยขึ้นมาเลย เฮ้อ ฮามากครับ ขอบคุณมากๆ เรียน รด.จบ 5 ปี แล้วผมจะเกณฑ์ทหารนะครับ

เล่ามั่งฮี่...

เรื่องราวต่างๆเป็นประสบการณ์จริงโดยตรงของผม ที่จะนำเอาบรรยากาศ ความรู้สึกต่างๆ ที่ตัวผมเอง ได้ประสบพบมา กับการเป็นทหาร 2 ปี ในรั้วของ กองทัพอากาศไทย ความรู้สึก ทั้งหลายเป็นความรู้สึก ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ไม่อาจจะลืมมันไปได้เลย ตลอดชีวิต ซึ่งผู้อ่านบางคนก็อาจจะ เคยเป็นอย่างผม หรือบางคนที่ไม่เคยเป็น ทหาร อาจจะยังไม่ทราบ แต่อ่านเรื่องผม คุณก็คงจะเดาชีวิตการเป็นทหารของคุณได้คราวๆเอง เริ่มเรื่องกันเลย...

วันที่ 1 พฤศจิกายน ผมได้ไปรวมตัวที่ สำนักงานเขต เวลา 08.00 น. เพื่อรถทหารจะได้มารับไปส่งกองพันใคร กองพันมัน บรรยากาศในตอนนั้น ผมรู้สึกหดหู่ ยังงัยไม่รู้ เหมือนต้องจากบ้านตัวเองไป

แล้วรู้สึกคิดถึงแม่ รักแม่ตัวเองมากขึ้นเลย พ่อแม่บางคนที่มาส่งลูก บางคนก็ร้องไห้ บางคนก็ดีใจแทนลูกที่จะได้เป็นทหาร ฝึกนิสัยใหม่ๆ ซึ่งชั่วโมงนั้นมันทำให้ผมแย่ยิ่งกว่าเดิม

พอถึงเวลา 8.30 น. เสียงรถทหารก็ได้มา จอดรับที่หน้าสำนักงานเขต ได้ยินเสียงครั้ง สุดท้าย จาก แม่ว่า สู้ๆๆ นะลูก ตอนนั้นรู้สึกมีกำลังใจขึ้น จากนั้นรถ ก็ได้พาผม และ คนอื่นๆ ไปส่งที่บริเวณ ค่ายทหาร แยกลำลูกกา เขตปทุมธานี

รู้ไหมท่านผู้อ่าน ผมคิดว่าจะจบแค่นั้น แต่ ไม่ใช่อย่างที่คิด พวกเราต้องนั่งรอ แต่ละเขต มารวมตัวกันก่อน แล้วค่อยแบ่งว่า ใครได้ไปอยู่กรมไหน กองพันไหน ซึ่งบางคนก็ถูก คัดให้เป็น สห. ไปอยู่ ลพบุรี ส่วนตัวผมถูกคัด ให้เป็น ทหารราบ ประจำอยู่ที่ กองพันทหารอากาศโยธินพัน2 รู้ไหม ใจเสียเลย เห็นคนบอกกันว่า ทหารราบ มันฝึกหนัก แล้วคิด ในใจว่า เราจะไหวรึป่าว กลัวความตายจริงๆๆ แต่ก็หนีไม่พ้น

ประมาณ 5 โมงเย็นของวันนั้น รถทหาร ก็บรรทุก พวกเรา มาส่ง ในกองพัน หลังจากที่รถเลี้ยวเข้ากองพัน ใจหายเวี้ยบ เลย เหมือนชีวิต ตัดขาดจากโลกภายนอก...

หลังจากรถจอด พวกเราก็ต้องไปรวมตัวกันในห้องโถง เพื่อรอ รับ ชุด และผ้าห่ม และ แบ่ง หมวดหมู่ ว่าเราจะได้อยู่หมวดไหน ซึ่งตัวผมจับได้ หมวดb ก็เลยต้องลุกไปนั่งรวมกับคนใน กลุ่มb บางคน ผมถามว่านาย อยู่แถวไหน เขาก็คุยกับเรา บางคนถามก็ไม่ยอมพูด ทำให้ผม อึดอัด เข้าไปใหญ่ ไม่รู้ว่าจะอยู่ร่วมกันได้รึป่าว หรือต้องชกต่อยกัน เพราะถามไม่ค่อยจะตอบเลย

หลังจากนั้นประมาณ 1 ทุ่ม เกือบ 2 ทุ่ม นายทหารก็ให้พวกเรา ขึ้นไปจัดที่นอน แล้วจัดเก็บของให้เรียบร้อย ซึ่งตอนนอน ก็ต้องนอนตามเลขที่ ไม่สามารถ นอนมั่วได้เลย คนที่นอนเตียงใกล้ๆผมชื่อ หลิว เขาเป็นคนคุยดี ได้รู้ประวัติคราวว่า เขาติดคุกมา คดี ยาบ้า 4 ปี แล้วเขาก็เล่าประวัติ เขาให้ฟังว่า ตอนติดคุก เขาได้ เป็นหัวหน้าโรงครัว ฟังเขาไปมาก็สนุกดี แต่หน้าตาไม่ค่อยไว้ใจ

ส่วน อีกข้างของเตียง คนที่นอน ข้างๆ ชื่อ เลาะ เขาเป็นคน อิสลาม พึ่งเรียนจบ ปริญญาตรีมา จากการพูดกับเขา เขารู้สึกจะเศร้าๆ เป็นห่วงแม่และแฟนเขา เหมือนคนที่ไม่อยากเป็นทหารเลย ยิ่งแย่กว่าผมซะอีก

เวลา 20.30 น. เสียง นกหวีดดังมาจากกลางสนาม พวกเราทุกคนในเรือนนอน ตกใจ แล้วงง มองหน้ากัน สักพักก็ได้ยินเสียงคนตะโกนว่า ให้ลงมารวมตัวกันหน้าสนาม...

ขอเม้าท์ด้วยคน...

แล้วก็อย่างที่บอก... วันนั้นจะรู้สึกได้เองเลย ว่า ถ้าเราทำไรพลาดกันแม้แต่แค่นิดเดียว เช่น กินข้าวแล้วมีเสียงช้อนดังแม้เพียงนิดเดียวข้าวมื้อนั้นจะต้องเลิกแดรกและโดนมันแดรกทันที นี่คือกรณีโดนเป็นหมู่นะ แต่ถ้ามันซวยหนักๆหน่อยไปทำให้มันโมโห แบบ ตัวต่อตัว จะโดนมันประเคนหมัด ต่อยยังกะเขาทราย ต่อหน้าเพื่อนๆทั้ง 100 กว่าคนนั่นแหละ แล้วถ้าเราตอบโต้ ก็จะโดน ครูฝึกทั้งหมด (มีครูฝึกรวม 23 คน) เรียงคิวแดรก วนไปวนมา จนกว่าเราจะสลบ แล้วก็เอาน้ำราดให้ฟื้นขึ้นมาแดรกต่อ อย่างเด็กๆก็ 3 วัน ซวยหน่อยก็ 7 วัน+ติดคุกทหาร

ไม่มีใครอยากทำตามมันหรอก แต่นั่นคือทหาร ทหารไม่มีสิทธิคิดเอง ชีวิตอยู่แค่ทำตามคำสั่ง จนกว่าเราจะได้อิสรภาพ ถ้ามองอีกแง่ มันก็คือการฝึกความอดทน ไม่งั้นเวลาไปรบจริงๆมีไรนิดหน่อยก็คงหนีทัพทิ้งให้เพื่อนต้องตาย เพราะเรื่องแค่นี้ยังทนมันไม่ได้ ถ้าไปรบจริงแล้วโดนจับเป็นเชลย รับลองเชื่อเหอะ จะโดนยิ่งกว่าที่อิก๋อยมันจัดซะอีก

ซ่อม+แดรก ก็คืออันเดียวกันแหละครับ มันก็คือการสั่งให้เรา ดันพื้น (วิดพื้น) พุ่งหลัง กลิ้งไป กลิ้งมา ลุกนั่ง และอีกสารพัดท่าแล้วแต่ครูฝึกจะคิดได้ แต่ที่มันโหดร้ายคือ เค้าสั่งทีละ เป็น 100 ครับ และไม่ใช่ว่า 100 ครบแล้วจบนะ เค้าจะวนไปท่าอื่นๆ ท่าละ 100 แล้ววนกลับไป กลับมา หรืออาจแล้วแต่ครูฝึกจะเลือกท่า แต่ที่แน่ๆ ผมไม่เคยโดนต่ำกว่าท่าละ 500 เลย 500 ต่อ 1 ท่านะครับ ท่า ซ่อมมีเป็น 10

ปล.การนับเวลาซ่อม จะแบ่งเป็น 2 แบบนะครับ นับเป็นครั้ง กับ นับเป็น ยก ถ้านับเป็นครั้งก็ตามปกตินั่นแหละ แต่ถ้าเป็นยกล่ะก็ ขอยกตัวอย่าง วิดพื้นละกัน 1 ยก คือ วิดลงไป นับ 1 ขึ้นมา นับ 2 ลงไปนับ 3 และขึ้นมาอีกทีนับ 1 (ยก) 1 2 3 1 - 1 2 3 2 - 1 2 3 3 สมมุติสั่ง 10 ยก ก็จะจบด้วย 1 2 3 10 งง เป่าอะ

ส่วนเหตุการณ์เลวร้ายสุดใน 4 เดือนนรกคือ อิก๋อย มันงอนทหารครับ ไม่รู้ทหารไปทำอะไรมันเข้า มัน ซ่อมรวมเลยครับ โดนไป 10 ช.ม. อะ ตั้งแต่ เที่ยง ยัน 4 ทุ่ม แต่อินี่มัน ซ่อม ท่าโหดครับ เช่น กอดคอลุกนั่ง 1000 ยก ทหารทั้งหมดต้องกอดคอกันแล้ว ลุก-นั่ง ให้พร้อมกันจนครบ 1000 ถ้ามีคนไม่ไหว รึ อู้ นับ 1 ใหม่ คนเราอะครับ แต่ให้ฟิตมาจากไหนก็เถอะ นับเป็นยก ลุกนั่งเนี่ยะ พอเริ่มเข้า ยกที่ 100 มันก็ไม่ไหวแล้วครับจะเริ่มมีคนอู้+ไม่ไหว มันก็สั่งนับใหม่ทันทีเลย ขนาดครูฝึกคนอื่นยังดูกันไม่ได้ ส่ายหน้าหนีกันเลย แล้วสุดท้ายทำกันไม่ครบหรอกครับ ทำกันได้ 500 ยกเอง แต่รวมๆที่มันให้นับใหม่ ผมคิดว่าเกิน 900 ยกไปแล้ว แถมมีท่าอื่นอีก ตลอด 10 ช.ม.นั้น พออีกวัน ทหารฝึกกันไม่ได้เลยคับ แค่เดินยังเดินกันไม่ได้เลย ผู้พัน ด่าอิก๋อย ลั่นศูนย์ฝึกเลย แต่พอผู้พันไป มันหันมาว่าเราครับ ว่า แสดงความอ่อนแอ วินัยยังอ่อน พวกเมิงยังเจอกุอีก 2 เดือน กุเข้า สิบเวรเมื่อไหร่ พวกเมิงซวย แต่ หลังจากนั้น 3 อาทิตย์มันก็ลดความโหดลงไปบาน เพราะมันได้ ทหารถูกใจครับ ก็เลยสบายขึ้นมาหน่อย

ปล. ตอนลุก-นั่ง 1000 ยกนั้น ตอน ยกที่ 400 ผมก็หุบปากตัวเองไม่ได้แล้วครับ น้ำลายไหลยืดเลย ในหัวคิดว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกรู ทำไมกุต้องมาโดนอะไรอย่างนี้กับเรื่องที่กุไม่ได้ก่อ เกลียดมัน แค้นมัน แค้นอิก๋อย แค้นเพื่อนที่ทำให้โดนซ่อม สารพัด แต่ตอนนี้ลืมมันไปหมดแล้ว ทิ้งไว้แค่ มันคือประสบการณ์ที่ไว้คุยสนุกๆ เท่านั้นเอง

วันเยี่ยมญาติ...สุขและทุกข์ ในวันเดียว
Credit: พลทหารแบงค์ @ ติดตามอ่านฉบับเต็ม..คลิกที่นี่..

หลังการฝึกทหารใหม่(10 สัปดาห์)ผ่านไปประมาณ 3 สัปดาห์...จะมีการอนุญาตให้ญาติพี่น้องของทหารมาเยี่ยมได้ทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 16.00 น.

จากนั้นได้มีการแจกซองจดหมายพร้อมเอกสารที่จะแจ้งญาติของพวกเราให้กับพวกเราทุกคน ในเอกสารจะบอกเรื่องวันเยี่ยมญาติและสถานที่ตั้งของหน่วยที่พวกเราสังกัดอยู่

นอกจากเอกสารและซองแล้วยังมีการแจกกระดาษเปล่าให้พวกเราเขียนจดหมายถึงคนที่บ้านด้วย

และแล้ววันเยี่ยมญาติก็มาถึง...

ที่บริเวณลานกว้างนั้นปกติจะโล่งตา แต่วันนี้กลับเต็มไปด้วยญาติๆของทหารใหม่ ผมสังเกตได้ว่าสายตาหลายต่อหลายคู่จับจ้องมายังกลุ่มของผม พวกญาติๆเหล่านั้นคงจะหวังว่าเป็นลูกหลานของตนเองอยู่เหมือนกัน ผมเองก็กวาดสายตาไปทั่วแต่ไม่ยักจะเห็นครอบครับผมเลย

ระหว่างที่ผมกวาดสายตามองก็ไปสะดุดกับหมวกสานที่มีผ้าลาย pokadot คาดอยู่ มันดูคุ้นมากและคิดว่าใช่แน่ๆ เลยโบกมือใหญ่เลยทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้าด้วยซ้ำ เพราะตื่นเต้นมากๆๆๆๆๆ มากๆ จริงๆ

พอเดินเข้าไป จึงเห็นว่าตาผมไม่ผิดจริงๆ มันคือหมวกที่แม่ผมมักจะใส่เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด ตอนแรกพวกเค้ายังไม่เห็นผม จนผมต้องเดินเข้าไปตรงหน้าและโบกมือทักทาย ทุกคนถึงกับอึ้งในสิ่งที่ตัวเองเห็น มากันทั้งหมด 3 คน ป๊า ม้า และ พี่สาวคนโตผม

ทั้งสามคนจำผมไม่ได้เลยเพราะทุกคนไม่คาดคิดว่า ลูกชาย/น้องชายตัวเองจะต้องมาอยู่ในสภาพดังนี้อย่างกับคนละคน

ผมก็ทักทายอย่างมีความสุข ยิ้มแย้มถามสารทุกข์สุกดิบ ระหว่างที่คุยกัน มือของแม่ผมก็มาลูบที่แขนเบาๆอย่างอ่อนโยน (ซึ่งปกติไม่เคยทำมาก่อน) แอบเห็นตาคลอๆ ส่วนพ่อผมเองก็ยิ้มแย้มแฮ๊ปปี้ แต่ว่าตาแดงๆ

พี่สาวผมเอาแขนมาเทียบกันและถ่ายรูปเก็บไว้ และตะลึงกับภาพ เพราะมันช่างต่างกันมากๆ จากแต่ก่อนที่ผมเป็นคนขาว แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนชนเผ่าอะไรซักอย่างในแอ๊ฟฟริกา

เนื่องจากครอบครัวผมไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง จึงไม่ได้เตรียมของอะไรมามากมายนอกจากของกินกับของใช้ที่ผมมีฝากให้ซื้อเข้ามา

พวกเราจึงต้องนั่งกับพื้นปูนสกปรกๆที่ปกติพวกผมนั่งและนอนระหว่างพักนั่นแหละครับ ผมก็พูดไม่หยุดเหมือนกันเพราะความตื่นเต้น และความคิดถึงครอบครัว

ระหว่างเม้าท์แม่ผมก็มาจับคอเสื้อขยับไปมา เพราะมันโชว์ให้เห็นถึงสีผิวที่ตัดกันอย่างก่ะโดนผ่าตัดจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง ผิวขาวแบบคนจีน ตัดกับสีดำไหม้และตัดเป็นรอยคอเสื้อ เห็นเด่นชัดมาก

คิดว่าแม่ผมคงยังทำใจไม่ได้กับสภาพของลูกชายตัวเองที่ไม่อยากจะให้ลูกตัวเองลำบากแต่ต้องมาเป็นทหารหัวเกรียนตัวไหม้แบบที่เห็นอยู่ตรงหน้า ผมเองเห็นแล้วหดหู่มากเพราะเวลาเค้าลูบ เค้ามองด้วยสายตาเศร้ามากๆ ระหว่างที่ผมพิมพ์อยู่นี่ผมยังน้ำตาคลอเลย เพราะว่าภาพมันติดตามาก ตอนนั้นผมก็ได้แต่บอกไม่เป็นไร ทนได้ และก็ยิ้มหน้าบานแฉ่ง

จำได้ว่าวันนั้น ยิ้มบานแฉ่งมากที่สุดหลังจากที่ไม่ได้ยิ้มเยอะๆแบบนี้มาหลายวัน มันเป็นความรู้สึกที่มีความสุขสุดๆ คุยไปคุยมา มารู้ภายหลังว่า พวกเค้าออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 แล้ว แม่ผมผู้ที่ปกติจะตื่นสายสุดดันตื่นก่อนคนแรกเลย ได้ยินแล้วก็มีความสุขนะครับ

ระหว่างคุยกัน แม่ผมก็หยิบยื่นเอาของกินมาให้อย่างเยอะ กาแฟเอย ช๊อกโกแลตเอย ข้าวเหนียวหมูฝอยเอย เค้กเอย และขนมอีกเพียบ จำได้ว่าสภาพผมตอนนั้นคือมือนี่กวาดหาของกินตลาดเวลา ปากถ้าไม่ได้พูด ก็เคี้ยว แลดูเหมือนคนที่หิวโหย อดอยาก มานานเป็นเดือน

พี่สาวผมเห็นสภาพเช่นนั้นอดพูดออกมาไม่ได้ว่า "หิวโหยมาจากไหน นี่แกกินไม่หยุดเลยนะแบ้ง"

ผมก็ได้แต่ยิ้มและบอกว่าในนั้นมันไม่มีอะไรเลย อยากกินอะไรก็ไปซื้อไม่ได้พูดเสร็จก็ค้นหาว่ามีอะไรที่กินได้อีก น่ากลัวมากๆครับ ผมเห็นสายตาของครอบครัวผมที่มองดูผมในตอนนั้นมันดูอนาถนิดๆอ่ะ ยิ้มแต่แฝงด้วยความเศร้า

แต่เวลาก็ผ่านไปถึงสามโมงกว่าสีหน้าของผมเปลี่ยนไปทันที เพราะเวลามันผ่านไปเร็วมาก ไม่อยากให้กลับเลย พี่สาวผมบอก "กลับเหอะ เดี๋ยวรถติด"

ผมถึงกับเอ่ยว่า "อย่าเพิ่งกลับสิ" และสีหน้าเศร้าออกมาโดยไม่รู้ตัว แม่ผมเลยให้อยู่กันอีกแปบแล้วค่อยกลับ

ตอนเดินไปส่งที่ที่ไกลที่สุดที่ไปได้ มันเป็นความรู้สึกที่ทรมานมาก แต่ก็ต้องฝืนยิ้ม จริงๆคือจะร้องเพราะตอนบอกลากัน แม่ผมคงเห็นท่าทีแล้ว เลยบอกว่า ไม่ต้องร้องๆ ผมก็ฝืนยิ้มไป และกลั้นใจหันหลังกลับโดยไม่หันไปมองต่อ น่าตลกนักที่ต่อหน้าพ่อแม่ผมกลับยิ้มร่าอย่างมีความสุข แต่พอไปเข้าแถว น้ำตามันตกออกมาเอง เพราะความคิดถึงดีใจกับการที่ได้เจอกันซะที

ระหว่างนั้นก็มีเสียงประกาศให้ญาติๆทยอยกลับ แต่ยังมีคนที่ไม่ยอมกลับซักทีจนเค้าต้องประกาศว่า

"ญาติๆเชิญกลับได้แล้วครับ ไม่ต้องเป็นห่วงบุตรหลานของท่านเพราะทางเราดูแลพวกเค้าอย่างดีครับ เชิญครับ"

แต่หลังจากที่ญาติๆกลับไปกันหมดไม่ถึง 5 นาที พวกเราต่างสามารถสัมผัสได้กับสิ่งที่ตัวเองจะต้องเผชิญต่อไป

เพราะพวกเราเองได้รู้มาอยู่แล้วว่าเยี่ยมญาติทีไรไม่เคยมีครั้งไหนที่ไม่โดนแดก เพียงแต่พวกเราทำใจ และยอมโดนแดกเพื่อพบครอบครัวที่รัก

.......

ทำไมถึงต้องโดนแดกหลังเยี่ยมญาติ?

นายทหารเวรก็จะสรรหาข้อกระทำผิดของพวกเราแล้วมาลงโทษ เช่น เดินออกนอกบริเวณที่กำหนด ทำตัวไม่เหมาะสม (กอดกับแฟน นั่งตัก ฯลฯ)

หรือ แฟนใครแต่งตัวไม่เหมาะสม นุ่งสั้น โป๊ พวกเขาทำโทษญาติไม่ได้ แต่เขาสามารถทำโทษทหารใหม่ได้

นี่คือเวรกรรมที่เราต้องได้รับหลังจากที่เยี่ยมญาติครับ ถึงแม้ว่าผมเองหรือหลายๆคนจะไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ถูกเหมารวมไปด้วย

จำได้ว่าวันนั้นพวกเราที่มีญาติเยี่ยมทุกคน โดนสั่งให้ทำท่าดันพื้นเตรียม และโดนสั่งให้ดันพื้นทีละ 5 ครั้งและค้างอยู่อย่างนั้น ระหว่างที่เค้าอบรมและชี้แจงความผิด

สั่งทีละ 5 ครั้งอาจจะฟังดูจิ๊บๆ แต่พอทำ เค้าจะบอกว่า

"ทำไมไม่พร้อม เอาใหม่ 5 ครั้ง"

"มีคนอู้ 5 ครั้ง"

"มีคนไม่นับ 5 ครั้ง"

"มีคนลงไม่สุด 5 ครั้ง"

"นับไม่พร้อม 5 ครั้ง"

"นับไม่ดัง 5 ครั้ง"

วนเวียนอยู่อย่างนี้ มีคนนับไว้ว่าวันนั้น โดนไป 460+กว่า ครั้ง และระหว่างนั้นต้องทำท่าดันพื้นเตรียมเอาไว้ตลอดเวลา ขอบอกว่ามือผมชาแทบจะไร้ความรู้สึกไปเลยตอนที่ทำท่าดันพื้นค้างเอาไว้

ทุกครั้งที่มีการเยี่ยมญาติ ต้องโดนแดกทุกครั้ง และจากที่โดนมาสองครั้ง (จาก3) บอกได้ว่าครั้งแรกเด็กๆจริงๆ เพราะครั้งที่สองที่ผมโดนคือครั้งที่ 3 ของการเยี่ยมญาติและเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมีการเยี่ยมญาติที่ตาคลี

วันนั้นเราก็มีความสุขเหมือนครั้งก่อนที่มีการเยี่ยมญาติ แต่วันนั้นโดนหนักมาก นายทหารเวรเอาท่ากายบริหาร ลุกนั่งซิทอัพ ลุกหมอบ ดันพื้น พุ่งหลัง กระโดดตบ มาทำโทษ ฟังดูง่าย แต่หลายสิบยกนะครับ แต่ที่หนักกว่านั้นคือ......

เค้าสั่งให้พวกเราวิ่งทีละหน่วยฝึกจากจุดที่ยืนรวม ให้วิ่งไปไกลมากๆ ถ้าให้เทียบประมาณ 3-4 ความยาวของสนามบาสฯ ให้วิ่งไปกลับและกลับมาเข้าแถวยืนตามระเบียบพักดังเดิม

ปัญหาคือต้องกลับมาพร้อมท่าตามระเบียบพัก ภายในเวลา 1 นาที หรือกี่นาทีนี่แหละผมจำไม่ได้ แต่ดูจากระยะทางและจำนวนคนแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ และไม่ได้วิ่งกันรอบเดียว วิ่งหลายรอบมาก มีคนขาเดี้ยง มีคนเป็นลม มีคนอ้วกแตก ใครขาเดี้ยงเพื่อนก็ช่วยพยุง ใครเป็นลม บางคนโดนทิ้งอยู่เพราะกลัวตัวเองจะมาเข้าแถวไม่ทันเวลา ผมเองช่วยพยุงเพื่อนที่วิ่งจะไม่ไหวแล้วไปด้วยกัน ให้กำลังใจกันตลอดว่า สู้เว้ยเพื่อน และก็กลับไปเข้าแถวในสภาพปางตาย เพราะหายใจจะไม่ทันจริงๆ

หลังจากโดนวิ่งไป 2 หรือ 3 รอบผมไม่แน่ใจตอนยืนตามระเบียบพัก อยู่ๆน้ำตาผมไหลออกมาเองเลยครับ ไม่ใช่เพราะโศกเศร้า แต่เพราะว่าเหนื่อยที่สุด และดีใจมากๆที่ตัวเองยังไม่ตาย!!!

เรื่องจริงครับ!!! มันเป็นความรู้สึกที่ลืมไม่ลงจริงๆ สุขและทุกข์ ในวันเดียวและเฉียบพลัน เยี่ยมญาติที่ตาคลี คล้ายๆตายทั้งเป็น

แต่ขอบอกว่า การเจอหน้าครอบครัวตัวเองมันเป็นกำลังใจที่ดีจริงๆ และเป็นแรงผลักดันให้เราทนอยู่ต่อไป

เพราะฉะนั้นใครมีญาติเป็นทหารใหม่ให้ไปเยี่ยมเค้าด้วยนะครับ หรือส่งจดหมายก็ยังดี สิ่งเหล่านี้มันทำให้เราอดทนมากขึ้นจริงๆ.................

การเป็นทหารยิ่งทำให้รู้ว่า ผมรักครอบครัวผมมากๆ และไม่มีใครดีเท่าคนในครอบครัวเราจริงๆ




เมื่อเวลา 15.15 น. วันนี้ (29 พ.ค.) ที่ บก.น.1 พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.น.1 พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ รองผบก.น.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.มักกะสัน แถลงการจับกุม นายศุภกฤต สมกิจกมล หรือบอล อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1753/2554 ลงวันที่ 5 พ.ย. 2554 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น จับกุมตัวได้ที่บริเวณชุมชนจารุรัตน์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง

โดยสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2554 เวลา 03.00 น. นายศุภกฤต พร้อมกับพวกได้ร่วมกันรุมทำร้าย นายจักรพงษ์ พันธ์มณี อายุ 25 ปี ครูฝึกทหารจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่ย่านชุมชนจารุรัตน์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ แขวงห้วยขวาง หลังจากก่อเหตุกลุ่มผู้ต้องหาได้หลบหนีไป กระทั่งศาลได้ออกหมายจับผู้ก่อเหตุ 8 คน ซึ่งที่ผ่านมาสามารถตามจับกุมตัวได้แล้ว 5 คน กระทั่งล่าสุดสามารถจับกุมตัว นายศุภกฤตได้ ใกล้กับสถานที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2555 เวลา 22.00 น.

สอบสวน นายศุภกฤต หรือบอล ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับพวกก่อเหตุรุมทำร้าย นายจักรพงษ์ จนเสียชีวิต เนื่องจากมีความโกรธแค้นเป็นการส่วนตัว เพราะถูกผู้ตายซึ่งเป็นครูฝึกทหารในช่วงที่ประจำการอยู่ที่กรมทหารราบที่ 1 กลั่นแกล้ง และสร้างความไม่พอใจ กระทั่งตนปลดประจำการออกมา และในคืนเกิดเหตุได้นั่งดื่มสุรากับพรรคพวก และพบเห็นผู้ตายจึงชักชวนกันไปรุมทำร้าย จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงขู่ และเข้ารุมทำร้ายทันที โดยใช้อิฐตัวหนอนทุบตีจนเสียชีวิตก่อนหลบหนีไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตราย พร้อมกับพกพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองอย่างผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน ดำเนินคดีต่อไป


@ By: เดี่ยว เทวดา

...นี่หรือคือการฝึก นี่หรือกองทัพไทย..
...มันคือการละเมิดสิทธิ์พื้นฐานที่พวกเขามี ตามรัฐธรรมนูญ..
...ทั้ง ผบ.หน่วย.ทั้งหน่วยฝึก ครูฝึก..ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำนี้..
...มันเอาเกียรติ เอาศักดิ์ศรีของคำว่า กองทัพมาละเลงสิ้น..
...ภูมิใจกับการกระทำนี้หรืออย่างไร..

"ไอ้เณร"พวกนี้จะพูดไปมันก็คือ "ผู้มีพระคุณ"อันใหญ่หลวง เพราะทุกๆ 6 เดือนมันจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเป็น"ตัวเงินตัวทอง"ของทุกๆหน่วยนั่นแหละ (ไม่ขยายความ..รู้ๆกันอยู่)

ควรที่ทุกหน่วยต้องให้ความดูแลความเป็นอยู่สุขทุกข์เหมือนเป็นลูกหลานในครอบครัว ปฏิบัติกับพวกมันในฐานะที่มันก็มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน

จะว่าไปมันก็น่าเห็นใจ"ไอ้เณร"พวกนี้เหมือนกันนะ เพราะทุกๆ 6 เดือนจะมีข่าว"ไอ้เณร"ถูกเมียทิ้งเมียหอบเสื้อผ้าหนี ก็ทำไมจะไม่ให้เมียมันทิ้งมันหนีล่ะ เพราะตั้งแต่ที่ผัวไปเป็นทหารรับใช้ชาติ ไม่มีรายรับไม่มีเงินทองค่าใช้จ่ายส่งถึงครอบครัวทางบ้านหรือลูกเมียมันเลย


จะให้"ไอ้เณร"มันเอาเงินทองที่ไหนส่งไปให้ครอบครัวล่ะ 3เดือนแรกเบี้ยเลี้ยงหลังจากหักค่าข้าวค่ากับข้าวค่าเชื้อเพลิงเหลือวันละ 20 บาท จ่ายให้ครั้งละ 10 วัน 200 บาท ส่วนเงินเดือนก็โดนหักค่าไอ้โน่นค่าไอ้นี่ค่าไอ้นั่นอีกสารพัด สรุปเงินเดือนไม่เหลือซักบาทเดียวแถมยังติดลบอีก..ต้องเบิก พชค เงินฝากจ่า(เงินติดตัวมา)โปะเข้าไป และตั้งแต่เดือนที่4เป็นต้นไป เงินเดือนจะจ่ายให้"ไอ้เณร"ทุกๆสิ้นเดือน

จะชื่นอกชื่นใจอยู่บ้างก็เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว(พชค) ที่รัฐบาลจ่ายเพิ่มให้ โดยส่งเงินเข้า บ/ช ของ"ไอ้เณร"โดยตรง... หึหึ..มันก็โดยตรงจริงๆนั่นแหละ หน่วยให้เซ็นชื่อเปิด บ/ช ธนาคาร แล้วก็ยึด บ/ช เอทีเอ็มรหัสบัตร เอาไปเก็บไว้เลย ครบ3เดือน..อ้าว!! พชค นึกว่าจะพ้น ตามมาหักอีกจนได้ ค่าเปิดเอทีเอ็ม ค่าประกันชีวิต"ไอ้เณร"ต้องจ่ายเองทั้งนั้น... พชค ที่เหลือกับ พชค เดือนต่อๆไป รวมทั้ง บ/ช เอทีเอ็มรหัสบัตร และเงินอื่นๆ หน่วยจะคืนให้ตอนปลดประจำการ"ไอ้เณร"จะได้มีเงินก้อนใหญ่ๆกลับบ้านไง...เฮ้อ!!

ทางแก้ไขมันก็มีอยู่นะถ้าตั้งใจจะช่วยเหลือไม่ให้"ไอ้เณร"ประสบกับปัญหาชีวิตเมียทิ้งเมียหอบเสื้อผ้าหนี เพื่อมันจะได้ตั้งใจรับใช้ชาติมีขวัญมีกำลังใจ ฝึก..ฝึก..แล้วก็ฝึก ต่อไป

บ/ช เอทีเอ็มรหัสบัตรอะไรพวกนี้ ควรจะมอบให้"ไอ้เณร"หรือพ่อแม่ลูกเมียของมันเก็บไว้เอง ถึงวันสิ้นเดือนลูกเมียมันจะได้ไปเบิกที่ตู้เอทีเอ็ม เพื่อครอบครัวทางบ้านจะได้มีเงินทองไว้ใช้จ่ายตั้งแต่เดือนแรกที่ผัวมันไปเป็นทหารรับใช้ชาตินั่นแหละ...





เมื่อวันที่ 1 เม.ย.56 ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ในปีนี้กระทรวงกลาโหมมีความต้องการทหารกองประจำการ 94,480 คน จากผู้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินตามบัญชีเรียก 359,863 คน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนเท่ากับ 3.8 ต่อ 1 คน โดยในส่วนของกองทัพบกต้องการทหารกองประจำการ 69,356 คน กองทัพอากาศ 7,667 คน กองทัพเรือ 16,000 คน สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 506 คน และกองบัญชาการกองทัพไทย 951 คน

วันที่ 5 เม.ย.56 พล.ท.ภานุวิชญ์ พุ่มหิรัญ เจ้ากรมแพทย์ทหารบก กล่าวว่า จากสถิติการเจ็บป่วยจากความร้อนในการฝึกพลทหารใหม่ในผลัดที่ 1 ช่วงเดือน พ.ค.จนถึง มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่มีอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์สูง ตั้งแต่ปี 2551 จนถึง 2555นั้น มีอัตราการป่วยเพิ่มสูงขึ้น เนื่องมาจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นทุกปี ที่ผ่านมาในการฝึกพลทหารใหม่ ร่างกายอาจจะยังไม่เคยชินต่อการออกกำลังกายอย่างหนักภายใต้อากาศที่ร้อนอบอ้าวอาจนำไปสู่การเจ็บป่วยจากความร้อนได้ หากไม่ได้ให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางการป้องกัน ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก ได้ให้ความสำคัญต่อการเฝ้าระวังป้องกันการเกิดการเจ็บป่วยจากความร้อน โดยได้สั่งการให้ผู้บังคับหน่วยทหารทุกระดับได้ให้ความสำคัญ เข้มงวด และจริงจังต่อมาตรการในการเฝ้าระวังและป้องกันโรคดังกล่าว

พล.ท.ภานุวิชญ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ภาควิชาเวชศาสตร์ทหารและชุมชน วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้าได้จัดทำคู่มือแนวทางการคัดกรองและเฝ้าระวังการเจ็บป่วยจากความร้อน สำหรับหน่วยฝึกทหารใหม่ ในการเฝ้าระวัง สังเกตอาการเจ็บป่วยจากความร้อนก่อนอาการจะพัฒนาไปสู่โรคลมร้อน และแนวทางปฏิบัติทางคลินิกสำหรับโรคลมร้อน ในส่วนของหน่วยรักษาพยาบาลได้ให้การรักษาอย่างถูกต้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน อีกทั้งกรมการแพทย์ทหารบกโดยโรงพยาบาลกองทัพบกแต่ละแห่งที่กระจายอยู่ในทุกกองทัพภาคได้อบรมความรู้เกี่ยวกับโรคลมร้อน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งเป็นการให้ความรู้แก่พลทหาร ครูฝึก ผู้ช่วยครูฝึกและผู้ฝึกทหารใหม่ นายสิบพยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ยังได้จัดทำโปสเตอร์ สื่อวิดีทัศน์ และคู่มือโรคลมร้อนแจกจ่ายพลทหารใหม่ และโรงพยาบาล เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติยังได้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังการเจ็บป่วยจากความร้อน ในการประสานข้อมูลและติดตามสถานการณ์ของโรคอย่างใกล้ชิดจากศูนย์ฝึกทหารใหม่ โดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้วย

"ในปี 2556 ที่คาดว่าสภาพอากาศจะมีอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้น โดยเฉพาะช่วง เม.ย.- มิ.ย.นี้ กรมแพทย์ทหารบก เน้นย้ำต่อมาตรการในการเฝ้าระวังและป้องกันการเจ็บป่วยจากความร้อนอย่างเข้มงวดและจริงจัง ได้ให้หน่วยสายแพทย์ทุกหน่วยเฝ้าติดตามสถานการณ์ โดยใกล้ชิดและสามารถติดตามแนวโน้มของการเกิดโรคดังกล่าว ไม่ให้การเกิดการเจ็บป่วยจากความร้อนพัฒนาไปสู่โรคลมร้อนได้ ในปีนี้กรมแพทย์ทหารบกได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องไม่มีผู้ป่วยโรคลมร้อนจากการฝึกทหารใหม่ ด้วยความห่วงใยของกองทัพบกและกรมแพทย์ทหารบกต่อบุตรหลานที่จะผ่านการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ามารับราชการเป็นทหารกองประจำการนั้น กองทัพบกจะให้การดูแลกำลังพลและทหารกองประจำการทุกนาย เหมือนเป็นลูกหลานทุกคน ทั้งในด้านชีวิตความเป็นอยู่ สุขภาพอนามัย ความปลอดภัยจากการฝึกเพื่อให้การฝึกทหารใหม่ปลอดภัยจากโรคลมร้อนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกประการ" พล.ท.ภานุวิชญ์ กล่าว


ทหาร กับ ควาย ... ท.ทหาร กับ ค.ควาย
Credit: bloggang.com infantry&group=34

ทหารแท้ นายสั่งให้ไปไหนก็ไป แม้นรู้ว่าอาจต้องตาย ก็ไป ทหารแท้อาจเหมือนควายในท้องนาที่ชาวนาเป็น ผบช.เป็นคนลากจูงไปในทิศทางต่างๆในนา ควายดีใจยิ่งนักเมื่อยามใดที่ ผบช.ให้บำเหน็จแก่การทำงานด้วยฟางหญ้าด้วยการพาไปแช่ปลักแช่โคลนเพื่อคลายเหนื่อยคลายร้อน ควายมันคงไม่รู้หรอกว่า งานที่มันทำนั้นคือการรักษานาไว้ให้ชาวนาได้มีกินมีอยู่ ควายมันรู้อย่างเดียวว่า มันมีหน้าที่ หน้าที่ของมันคือไถนา มันเกิดมาเพื่อแบกแอกและไถนาเท่านั้น งานอื่นมันคงทำไม่ได้ดีนัก คนทั่วไปจึงมองว่ามันโง่ แต่โง่ๆอย่างควายนี่แหล่ะ เมื่อยามใดไม่มีควาย ชาวนาต้องร้องไห้ทุกคน เพราะทำนาไม่ได้ และสุดท้ายก็ต้องขายนา รักษานาไว้ไม่ได้

ทหารกับควาย ดูแล้วคล้ายๆกัน ทหารต้องอดทนเหมือนควาย บางครั้งก็ต้องจำยอมทำโง่เหมือนควาย ทำยังไงได้ ก็นายสั่งนี่หว่า ควายก็คงเหมือนกัน ทำยังไงได้ ชาวนาเขาสั่งนี่หว่า ทหารมีหน้าที่ปกป้องนา เอ๊ย ปกป้องชาติตามคำสั่งของ ผบช. ควายก็มีหน้าที่ไถนาตามคำสั่งของชาวนา บางครั้งผลของงานโง่ๆที่ปรากฏแก่ตาโลก อาจดูเหมือนว่าทหารโง่ ควายโง่ งานถึงออกมาแบบโง่ๆ แต่ที่จริงแล้วนั้น คนสั่งทหาร คนสั่งควาย ต่างหากที่น่าจะถูกเรียกว่าไอ้โง่ เพราะถ้ามึงไม่สั่งแบบโง่ๆ ทหารก็ไม่ต้องจำยอมทำหน้าที่แบบโง่ๆ ควายก็จะไม่ไถนาแบบโง่ๆ เพราะฉะนั้นในอารยะประเทศที่เจริญแล้วนั้น เมื่อเกิดความผิดพลาดหรือล้มเหลวจากความโง่ คนสั่งจึงต้องรับผิดชอบ คนทำตามสั่งด้วยหน้าที่ มิมีผลใดๆ บางทีอาจแอบดีใจอยู่ลึกๆที่ เจ้านายโง่ๆไปผุดไปเกิดเสียที ภาวะจำยอมจะได้หมดไปจากตนเสียที งานในหน้าที่จะได้ลุล่วงถ้าได้เจ้านายที่ดี หลักแหลมและเก่ง ที่สำคัญคือ ต้องไม่ถือตน หยิ่ง และสุดท้ายคือ โง่ รวมๆแล้วคือ หยิ่งโง่โลว์โพร์ไฟล์

ควายเมื่อตายลง เนื้อหนังกระดูก เป็นประโยชน์แก่ชาวนาได้ทั้งสิ้น ยามอยู่ก็มีหน้าที่ ยามตายก็ยังให้ประโยชน์ ทหารก็คงมิต่างไปจากนี้เท่าไรนัก เมื่อตายลงด้วยคมหอกคมดาบคมกระสุน วีรกรรมและการปฏิบัติหน้าที่ ก็เป็นประโยชน์ให้ทหารรุ่นหลังได้ศึกษาและซึมซับในวิถีคนกล้า เมื่อยามอยู่ก็เสียสละเลือดเนื้อชีวิตและความสุขสบายตามอัตตาของชีวิตให้กับแผ่นดินให้กับหน้าที่ ควายนั้นคนอาจเรียกแบบเหยียดๆว่า "ไอ้ทุย" ทหารผู้ต่ำต้อยด้วยยศศักดิ์นั้น ทั่วไปก็เรียก "ไอ้เณร" ทั้งไอ้ทุยและไอ้เณรนั้น หากวันไหนไม่มีมันหรือขาดมันไป วันนั้นคนเหยียดจะรู้สึก หนึ่งชีวิต หนึ่งโพสิชั่น ล้วนมีความหมายและมีความสำคัญอยู่ในตัวของมันเองทั้งนั้น ลองคิดทบทวนกันดูเล่นก็ได้ว่า ไอ้ทุยและไอ้เณร มีส่วนในการสร้างชาติป้องชาติอย่างไร

ในพยัญชนะไทย มี ค.ควาย มี ท.ทหาร แล้วทำไม ต.เต่า ถึงไม่ได้เป็น ต.ตำรวจ น.หนู ถึงไม่ได้เป็น น.นายกฯ นั่นอาจเป็นเพราะในห้วงคำนึงของคนไทยนั้น ก็รู้ดีและสำนึกอยู่ในใจว่า ควายกับทหารนั้น มีคุณค่าอย่างไรสำหรับความเป็นมาของชาติ การสร้างคุณงามความดีไว้จนเป็นที่จดจำและคำนึงถึงในจิตใจของคนทั่วไปในสังคมชาตินั้น มิอาจสร้างได้ในช่วงข้ามคืนข้ามปี แต่ต้องสร้างสะสมกันมายาวนานเป็นร้อยเป็นพันปี เมื่อยามกินข้าว เห็นข้าวในจาน เรานึกถึงควาย เมื่อยามชาติมีภัย เห็นอริราชศัตรูบนแผ่นดิน เรานึกถึงทหาร อย่างไรก็ตาม บางคนที่อ่านอาจคิดว่าผู้เขียนบ้าที่จะเขียนประโยคนี้ "ตายในสนามรบเป็นเกียรติของทหาร ตายในท้องนาเป็นเกียรติของกระบือ" แต่สำหรับประโยคหลังนี่คงยาก เพราะทุกวันนี้เกียรติของควายแทบจะไม่เหลือ เพราะควายในทุกวันนี้ส่วนใหญ่ตายในโรงฆ่าสัตว์ทั้งนั้น

ปล. ไหนๆก็เขียนแล้ว แถมอีกหน่อยละกัน ร.ร.เตรียมทหาร ก่อนรับมอบตัวนักเรียน ควรจะสืบโคตรเหง้าลงไปลึกๆในทุกๆด้านของนักเรียนด้วยก็จะดีมาก คนเรียนเก่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนดีที่หวังทำหน้าที่เพื่อชาติไทยเสมอไป มันอาจโตไปทำเพื่อชาติอื่นก็ได้ใครจะรู้...

อีกเรื่องคือ การพิจารณาโยกย้ายนายทหารมาคุมกำลังหลักๆหรือตำแหน่งในกองทัพหลักๆของชาติ ผู้มีอำนาจพิจารณาควรจะสงวนตำแหน่งเหล่านั้นไว้ให้ไทยแท้ๆเท่านั้น ไม่ได้รังเกียจ ไม่ได้แบ่งแยก แต่วิถีทางในแบบไทยๆ มันควรจะเป็นอย่างนั้น ก็ลองย้อนไปดูที่ ผบช.ในอดีตที่เขายึดถือปฏิบัติกันมาดูก็แล้วกัน...

สิ่งใดสำคัญที่สุดที่ทหารทุกคนควรจะมีให้กันและกัน "ความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกัน" หากทหารขาดสิ่งนี้ นักรบจะตายศึกหน้า กองทัพจะแตกแยก สหายศึกจะไม่บังเกิด และสุดท้ายนั้น เราจะต้องฆ่ากันเอง ก็แบบที่เป็นอยู่เนี่ย...

และ สุดท้าย..ขอฝากไปถึงทหารหาญทั้งหลายในกองทัพไทย...

"กระสุนทุกนัด ปืนทุกกระบอก รถหุ้มเกราะทุกคัน เบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ สิทธิพิเศษของพ่อแม่ลูกเมียทหาร รวมไปถึงข้าวทุกๆเมล็ดที่พวกคุณกินในโรงเลี้ยง ล้วนมาจากหยาดเหงื่อแรงกายที่รัฐรีดจากประชาชนออกมาเป็นภาษีเลี้ยงดูทหารทั้งกองทัพ ความเก่งกล้าสามารถและทักษะทางทหารที่พวกคุณมีเหนือประชาชนมือเปล่าๆนั้น คุณควรเอาไปใช้กับข้าศึก ไม่ใช่เอามาใช้กับประชาชนผู้ที่ได้ชื่อว่าเลี้ยงดูคุณและครอบครัวมาตลอด"

"สำเหนียก"กันไว้บ้าง!!

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

หน้าอ่าน หน้าศึกษา... ปลาทูนึ่ง...สูตรทำขาย และ สูตรทำกินเอง


ปลาทูนึ่ง...สูตรทำกินเอง
โพสต์โดย: คุณ Kamolthip kruaklaibaan.com
รูปภาพโพสต์โดย: คุณ Bonita kruaklaibaan.com



ปลาทูนึ่ง สูตรที่ 1 ของที่ต้องเตรียม
◊ ลังถึงสำหรับนึ่งปลา
◊ น้ำ ครึ่งหนึ่งของหม้อ
◊ เกลือ 1 3/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ:
◊ ตั้งหม้อพร้อมน้ำครึ่งหม้อ ต้มให้เดือดใส่เกลือลงไป เดือดแล้วลดไฟเหลือค่อนข้างอ่อน
◊ เอาไส้ออก โดยการอ้าปากปลาทู แล้วดึงเหงือกปลาทูออกมา ไส้ทั้งหมดก็จะออกมาด้วย (ควักออกทางเหงือก เปิดเหงือกแล้วเอานิ้วชี้ดึงเหงือกออก ไส้จะไหลออกมา) ล้างปลาให้สะอาด เสร็จแล้วนำมาเรียงใส่ลังถึง นำไปตั้งบนตัวหม้อ ใช้เวลาประมาณ 20-40 นาที ลองกดตัวปลาทูถ้าเนื้อแน่นแล้วแสดงว่าสุกยกลงได้

แค่นี้แหละ สูตรนี้เราจะอาศัยไอน้ำเกลือมาช่วยทำให้ปลาทูสุก (รับรองสูตรนี้ไม่เหม็น)

ปลาทูนึ่ง สูตรที่ 2 ของที่ต้องเตรียม
◊ ปลาทูแล้วแต่ชอบ
◊ น้ำปลา (กะให้ท่วมปลา)
◊ กล่องที่มีฝาปิด หรือขวดโหลที่มีฝาปิด (เอาชนิดที่ปิดให้มิดชิดเลย)

วิธีทำ:
◊ เริ่มแรก เอาไส้ออก โดยการอ้าปากปลาทู แล้วดึงเหงือกปลาทูออกมา ไส้ทั้งหมดก็จะออกมาด้วย (ควักออกทางเหงือก เปิดเหงือกแล้วเอานิ้วชี้ดึงเหงือกออก ไส้จะไหลออกมา) ล้างปลาให้สะอาด เสร็จแล้วค่อยๆ เรียงลงในภาชนะ ใส่น้ำปลาลงไปให้ท่วมตัวปลา ปิดฝาให้สนิท
◊ ทิ้งไว้ค้างคืน หรือประมาณ 11 ชั่วโมง
◊ ได้เวลาเอาปลาออกมาแล้ว พยายามหาที่โล่งๆ
◊ ตั้งลังถึง นึ่งปลาประมาณ 20-30 นาที หรือจนสุก ขั้นตอนนี้ เวลานึ่งปลาจะเหม็นมากๆ

ถ้าเพื่อนๆ พี่ๆ กินไม่หมด สามารถที่จะเก็บไว้ในช่องฟรีซได้ ขอให้อร่อยกับน้ำพริกกะปิ พร้อมกับปลาทูนึ่งทอด หรือนึ่งสุกใหม่ๆไม่ต้องทอดก็อร่อย...

หมายเหตุ: สูตรนี้สำหรับทำรับประทานเอง แต่จำหน่ายไม่ได้ เพราะมีข้อจำกัดเยอะ เช่น ถ้านึ่งหนังจะปูดไม่สวย ขายยากส์ ปลานึ่งสภาพการทนทานต่ออุณหภูมิบ้านเราได้ไม่นาน เพราะปลานึ่ง ไอน้ำหลักจะโดนด้านบนจำนวนมาก ด้านล่างติดรูซึ้ง มันจะสุกไม่ทั่ว ทำให้ปลาทูด้านล่างสุกน้อยกว่าด้านบน พอตั้งใจให้ด้านล่างสุก ข้างบนก็สุกมากไปอีกเนื้อแข็ง ไม่อร่อย


โพสต์โดย: ลุงอิ่นคำ : ผักบุ้ง ผักพื้นๆครับ แต่เรียกว่าเป็นอาหารประจำบ้านของคนไทยเลยทีเดียว จานนี้มันที่ที่มา จ้า... เมื่อวานไปตลาด ค่ำแล้ว ทีแรกจะซื้อสองกำ ก็คิดว่า 10 บาท แต่ป้าคนขายแกบอกว่า อยากกลับบ้านแล้ว เหลือ 4 กำ หนู(เรียกอย่างนี้จริงๆ)เอาไปเลย กำละ 2 บาท เอา 8 บาท หนูเลยให้ 10 บาทเลย แทนที่จะได้ 2 กำ กลับได้ 4 กำ กินได้ 2 วัน จ่ายเงินเสร็จ แม่ค้าข้างๆ แซวว่า คุณใส่หมวกดาวแดง ป้าแกชอบเลยขายให้ถูก

จากผักบุ้งไทย อวบๆ กำสองบาท ซื้อมา สี่กำ จานนี้ กำเดียวครับ ริดใบก้านออกให้หมด หั่นตามยาวเป็นฝอยๆ แช่น้ำล้างยางก่อน แล้วผัดไฟแรงๆ ใส่เต้าเจี๊ยว พริกคั่วป่น อร่อย...เหมาะกับเศรษฐกิจยุคนี้จริงๆ



ปลูกผักบุ้งจีนในตะกร้า ไม่เกิน 20 วันเก็บกินขายได้

อุปกรณ์..
1. ตะกร้าใบเล็กๆ
2. กะละมังหรือถังใบเล็กๆที่พอดีกับตะกร้า
3. น้ำสะอาด
4. เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน

วิธีปลูก..
1. เอาเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งใส่ตะกร้า นำไปวางบนกะละมังหรือถังใส่น้ำให้พอท่วมเมล็ดพันธุ์นิดหน่อย
2. ผ่านไป 3-4 วัน เมล็ดผักบุ้งจะงอกออกมา
3. ยกทั้งหมดไปวางในที่มีแสง รอผักบุ้งโตเต็มที่
4. ไม่เกิน 20 วันเก็บกินขายได้

ภาพ-ข้อมูล : http://www.hit-za.com/6352


วิธีทำปลาทูนึ่ง(ทำกินเอง)สูตรนายjimbo : เอาปลาสดแคะไส้ออก ล้างด้วยน้ำสะอาด แช่น้ำเกลือเอาไว้ สัก 3 นาทีครับ แล้วตั้งน้ำให้เดือด ใส่ปลาลงไปต้มเลย 3 นาที เสร็จแล้วเอามาทอด อร่อยนิ่ม ครับ หนังไม่ลอกด้วย

อ้อ ลืมไป น้ำที่ต้มใช้น้ำเกลือ 30% ของน้ำหนักปลานะครับ

ปลาทูเค็มหรอ มะยากส์ เอาปลาทูสดนั้นแหละแช่น้ำเกลือ ครานี้เกลือ 60% ของน้ำหนักปลาแช่ไว้ 1 ชม. เสร็จแล้วเอามาตากแดด สัก 2 แดด กำลังดี เอามาทอด อูยส์ ซี้ดเลย แซบ

ท่านที่จะนึ่งปลาทานเอง ดีที่สุดครับ เพราะเราล้างสะอาด โรงปลาทูนึ่ง เค้าไม่ยอมทิ้งน้ำที่ต้ม ขี้เหนียวนะ ขี้เหนียวเกลือ ฉะนั้นปลาเลยเค้มเค็มและคาว เค้าเอาน้ำที่ต้มไปทำน้ำปลาเทียม และเอาไส้ปลาที่ควักมาทำยำไตปลาขาย

เราต้มเองไม่ต้องซีเรียส เรื่องท้องปลาจะแตก หักหัวทิ้งเลยก็ได้ง่ายดี ต้มลงในน้ำเกลือเดือดจัด 3 นาทีพอ ย้ำ...แค่นั้นเพราะต้มนานกว่านี้เนื้อปลาแข็งครับ


ทักกี้...สอนธุรกิจ Jimbo
วิสัยทัศน์ทำธุรกิจเค้าทำแบบนี้ เข้าใจไหม???

โพสต์โดย: คุณ jimbo prachataiwebboard.com


ปลาทูนึ่ง...สูตรทำขาย ตอนที่ 1

อารัมภบทนิดนึงครับ สูตรนี้เป็นสูตรฤษีบอกมาเข้าฝันนะครับ ปลาทูนึ่งของผม สมเด็จพระบรมฯให้พ่อครัวมาซื้อเข้าวังทุกวันศุกร์ และผมส่งออกไปอังกฤษทุกเย็นวันจันทร์ โดยมีผู้ติดต่อส่งออกคือ คุณแม่ของ สส. สุชาติ บรรดาศักดิ์ ใครเป็นคนปากเกร็ด คงเคยเห็นในตลาดบ่าย นึ่งสดๆที่แผงทุกวัน ปลานิ่มและจืดแช่ตู้เย็นออกมาทอดนิ่มเหมือนเดิม ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว เลิกมาตั้งแต่ปี 2542

เรื่องมันมีอยู่ว่า เศรษฐกิจตกต่ำช่วงปี 40 ผมประสบปัญหาทางธุรกิจ หมดตัวหลายสิบล้าน ขายทุกอย่างที่ขวางหน้า จ่ายค่าแรงคนงานและค่าหนี้สินต่างๆไปหมดจนเหลือเงินติดตัวมา 6 หมื่นบาท กินๆๆนอนๆ 6 เดือน เหลือเงิน ก้อนสุดท้ายติดตัว 700 บาท ก็อธิษฐานแบบอิสลามของผม ว่าให้เกิดปัญญา ว่าจะจัดการอย่างไรกับชีวิต และแล้วคืนนั้นผมก็ฝันว่า ในดินแดนทะเลทรายแห่งหนึ่ง มีสุเหร่าเก่าแก่โบราณมาก ประตูใหญ่สองบานเปิดออก มีฤษีหรือโตะเยาะห์ นุ่งขาวห่มขาวออกมา แล้วสลามฯบอกว่าอยากทานปลาทูนึ่ง ในฝันผมก็เอาปลาทูนึ่งให้ท่านกิน แล้วตกใจตื่น ตอนเช้ามืด พอตกใจตื่น ก็คิดได้ว่าไม่มีปลาทูนึ่ง ที่ทำโดยอิสลามแม้แต่คนเดียว

ผมขอออกตัวว่า ผมเป็นคนชอบกินปลาทูทอด แต่ทำไม่เป็น นึ่งไม่เป็น ทำอย่างไรหว่า ที่จะทำให้ได้ แต่ไม่เป็นไร ปัญหาไม่ใช่อุปสรรค สำหรับผม ไม่รอช้ารีบขับรถตะบึงไปมหาชัยทันที ซื้อปลาทูสดมา 1 เปียะเท่ากับ 40 กิโล เป็นจำนวนเงินค่าปลา 480 บาท ค่าน้ำมันรถไม่ต้องเสียเพราะเติมไว้เต็ม มาถึงจัดการแคะไส้ปลาออก นึ่งทันที ผลปรากฏว่าปลาทูไส้แตกหมดเลย ทำไงดีหว่าทุนหายกำไรหด ไม่เป็นไรยิ้มสู้ เอาออกมาขายทั้งแตกๆถูกๆเพื่อเอาทุนคืน พูดความจริงกับลูกค้าว่าเราทำไม่เป็น ขายได้แหะ โชคช่วยได้เงินมา 600 บาทแหะ ได้กำไรอีก กำลังใจมาโขเลย

วันรุ่งขึ้นเอาใหม่ ไปใหม่ ครานี้ไม่บุ่มบ่ามซื้อ ไปโรงนึ่งปลาทูก่อนเลยที่ท่าฉลอม ไปหาเจ้าของโรงปลาทู อาซิ่มแก่ๆ บอกเค้าตามตรงว่าเราตกงาน อยากได้อะไรมาประกอบอาชีพ อาซิ่ม งกอีกแนะ อาซิ่มบอกว่า อาชีพนี้ไม่มีใครให้ง่ายๆ ผมก็อ้อนวอนอีก แกคงทนรำคาญผมไม่ไหว เลยบอกว่า ลื้อ ไปดูเอาละกัน ผมรีบขอบใจอาซิ่มทันที รีบเข้าไปในโรงนึ่งทันที เอาปากกา กระดาษ พอดีตอนนั้นผมใช้ คาสิโอ มี สต้อป ว้อช ด้วย เข้าไปจด ไปวาดรูป ไปดูวิธี เอานาฬิกาจับเวลาดูด้วย แล้วก็ จดๆๆๆๆๆๆ ก่อนกลับไม่วาย ขอบคุณพร้อมซื้อปลาทูติดมือมา 10 เข่ง

รีบไปสะพานปลาทันที ซื้อปลาเหมือนเดิมอีก รีบบึ่งกลับมานึ่งปรากฏว่า แตกอีก ครานี้แตกอีกประมาน 80% ยิ้มไว้นายจิม สู้ๆๆ ออกขายตลาดอีก ครานี้ได้ตังค์มา 730 บาท มากกว่าเมื่อวาน วุ้ยส์พยายามเข้านายจิม (ผมชอบพูดกับตนเองเสมอ)

วันรุ่งขึ้นไปใหม่อีกโรงปลาทูนั่นแหละ ครานี้ดูให้ละเอียด ต้องมีอะไรพลาดแน่ๆ และแล้วก็เจอ อ้อ อย่างนี้นี่เอง เค้าไม่ใช้ปลาสด แต่เค้าใช้ปลาแช่แข็ง ได้ทีละ ถามอาซิ่มว่าซื้อปลาที่ไหน ก็ได้คำตอบว่า ลื้อก็ซื้อตามห้องเย็นสิ แล้วห้องเย็นอยู่ไหนละซิ่ม อาซิ่มตอบว่า อยู่ที่อั้วไง ลื้อนี่จริงๆเลย อั้วขายปลาฟรีซ ด้วย

ผมก็เลยซื้อปลาแกมา 2 แพ็ค /20 /40 โล เป็นเงิน 530 บาท แพงกว่าหน่อย ไม่เป็นไรนะ กลับมานึ่งๆๆๆ ได้ผลแหะ ครานี้ปริมาณการแตก 50/50 อิอิ ใจชื้น ออกขายตลาดอีก ครานี้ ขายโอเคเลย ได้เงิน มาทั้งหมด 850 บาท โอ้โหเกือบเท่าตัวแนะ ผมลองอย่างงี้อยู่ 7 วัน ลองผิดลองถูก บันทึกการทดลองเหมือนในห้องแล็บเลย จดๆๆ จับเวลา ตวงส่วนผสม ครบ 7 วัน ปลาทูทั้งหมดไม่แตกเลย ดีใจจริงขายได้ 1,100 กำไร 100%

ส่วนสูตร อิอิ ให้ง่ายๆได้ไง จริงมั้ยเพื่อนๆ รอตอบในตอนต่อไป วันนี้ใช้ โควตาครบ 3 แล้ว หมดไปกะตาย่านมัน แต่ก่อนจบ...ขอให้อ่านลึกๆ มันมีวิธีคิด นำไปแอพพลาย กับการประกอบธุรกิจหรือแนวคิดใหม่ในการจุดประกายทำให้เรามีกำลังสู้ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้

ไม่ใช่เล่นตัวนะครับ จริงๆมันเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง และอีกอย่าง ถ้าผมตอบบอกสูตรขั้นตอนมันเยอะพอควร เดี๋ยวมันจะหลุดหน้ากระดาษ ทำให้ การเรียนรู้นั้นไม่ทั่วถึงคนทุกคนครับ ผมอยากให้เป็นวิทยาทาน นอกจากสูตรปลาทู มันมีวิธีคิดในการแก้ปัญหา การตลาด ทำอย่างไร จะตัดคู่แข่งโดยไม่ตัดราคา มีหลายๆเรื่องแฝงอยู่ครับ

มันมีขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกปลา ไม่ใช่สักแต่ว่าปลาทูก็ทำได้นะครับ ปลาที่ไหน ปลากินอะไรเป็นอาหาร การจับปลาใช้อะไรจับ ยุบยับไปหมด รู้อะไรรู้ให้จริง พาตัวรอดครับ

ทีเด็ดของเรื่องนี้ไม่ใช่ที่สูตรปลาทู แต่เป็นวิธีการทำตลาด ผมใช้หลักเดียวกับทักกี้ Dual trex ในการขายปลาทู

สูตรนี้ผมไม่ได้ให้ใคร มาตอนเศรษฐกิจตกต่ำนี้แหละ เห็นเพื่อนแดงลำบากกัน สีอื่นก็เอาไปใช่ได้นะ พี่จิมไม่หวง ก็เลยพูดเปรยๆในห้องกบ ราชดำเนิน ตาย่านอยู่พอดี ก็เลยอยากเป็นลูกศิษย์นะครับ

ปลาทูท้องแตก คือ เวลานึ่งแล้วท้องเป็นรู ไม่สวย ขายไม่ได้ราคา แถมแมงวันมันชอบตอม

ก่อนอื่นต้องไปซื้อปลาที่ห้องเย็น จำไว้เลย ปลาสด คือปลาไม่สด ปลาไม่สด คือ ปลาสด มาแอพพลายกะการเมืองได้อีกแนะ

ปลาสด ขายตามท้องตลาด คือปลาที่อยู่ข้างล่างใต้ท้องเรือ เวลาจับปลาเค้าจะออกเรือตอนหัวค่ำ แล้วกลับมาเช้า ปลาที่จับก่อนจะอยู่ล่าง ปลาที่จับหลังจะอยู่บน ฉะนั้นปลาที่มีคุณภาพ จะอยู่ข้างบน ไม่ช้ำไม่ถูกทับ โครงสร้างปลาจะแข็งแรง

ปลาที่จะทำปลาทูนึ่งได้ต้องเป็นปลาอวนดำ อวนดำคืออวนด้าย ส่วนอวนลากทำด้วยสลิง ปลาที่จับมาข้างบน จะถูกส่งเข้าห้องเย็น และส่งออกไปขายเมืองนอก นี่แหละเป็นสะอย่างนี้เมืองไทย คนไทยกินของไร้คุณภาพ เหมือน ปตท. ให้คนไทยใช้ เอนจีวี

ต่อๆๆ แมงโม้บินว่อนแล้วนายจิม เอิ้กๆๆ

อวนลากทำด้วยสลิงเวลาลากปลาจะช้ำ ไม่สวยนึ่งยากส์ ปลาที่จะทำเวลาซื้อที่ห้องเย็นเวลาเค้าเอาออกมา ตัวมันจะแข็งเหมือนน้ำแข็ง ปาหัวหมาร้องเอ๋งๆๆๆ เลยทีเดียว ให้เอามือถูๆๆคราบน้ำแข็งบนตัวปลา โดยเฉพาะที่หลังของมัน ดูว่าสีอะไร ถ้าสีคล้ำหรือออกดำถึงดำมากถึงจะดี แสดงว่าปลานั้นกินดินเป็นอาหาร ปลากินทรายหลังจะออกเหลือง เนื้อไม่มัน เวลานึ่งตัวจะยุบไม่พอง เสร็จแล้วที่หลังของมันจะมีจุด ให้นับจุดจนถึงหาง ยิ่งมีจุดมาก ปลามันมาก ใต้ครีบที่หายใจก็เช่นกันมี 1 จุด ถ้าจุดนั้นสีดำเข้ม เจงเป้งเลย แล้วเอามือลูบอีกที่ท้องปลา ดูว่าซี่โครงมันกาง เห็นรอยซี่โครงหรือไม่ ถ้าเห็น โอกาสทีท้องจะแตกง่ายมาก แต่มีวิธีแก้ ไม่ต้องกังวล อันนี้ต้องไปอ่านในตอน นึ่ง จะมีวิธีการแก้ไข

ครานี้เราได้ปลามาแระ บอกเคล็ดลับอย่างนึง ปลาทูมหาชัยไม่มีแล้ว เพราะมันซี้ม่องเซกกะน้ำเสียที่ปล่อยออกมา ปลาส่วนใหญ่มาจากแถบอันดามัน แถวสตูล นะครับ

จัดแจงเอาปลามาแช่น้ำ ประมาณ 10 นาทีให้น้ำแข็งละลาย ย้ำอย่าใช้น้ำอุ่น ปลาจะกระด้าง คอหักง่าย เอากาละมังมา ใส่น้ำลงไปกะแช่ปลาตามจำนวนที่เราซื้อมาได้มิดตัว เอาเกลือเม็ดอย่างดำ เกลือเลวนะครับ ละลายน้ำ ใช้อัตราส่วน 30% ของน้ำหนักตัวปลา สำหรับมือใหม่ ถ้าเราเก่งขึ้นใช้การชิม ขณะเดียวกันต้องคอยสังเกตปริมาณ ความเค็มที่ปลายลิ้นเราด้วย จำไว้เลยปลาเค็มมากท้องแตกยาก แต่ไม่อร่อยตัวจะแข็ง พอชำนาญ ค่อยๆลดปริมาณเกลือลงจนได้ที่ ฉะนั้นถ้าปลามาไม่สวย ต้องใส่เกลือจัดๆ ปลาทูที่ตามท้องตลาดยิ่งห่างไกล ความเจริญมากเท่าไหร่ เค็มอิอ่ายเลย จากนั้นแคะไส้แล้วแช่น้ำเกลือไว้ 5 นาทีพอ เดวเค็มจัด เคล็ดอีกอย่างนึงคือตอนดึงไส้ปลา ไม่เหมือนการดึงไส้ปลาทั่วไป

การดึงไส้ปลาทั่วไป เราดึงออกจากทางครีบใช่ไหมครับ ส่วนปลาทูที่เราจะนึ่งให้ดึงออกทางปาก โดยการหงายมือซ้าย สำหรับคนถนัดขวา เอาปลาหงายท้อง เอานิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือง้างครีบปลาออก แล้วเอานิ้วมือขวา นิ้วชี้ กับหัวแม่มือ อีกนั่นแหละ ค่อยดึงไส้ให้คะย่อนตามนิ้วเบาๆออกทางปากปลา ถามว่าทำไมทำอย่างนี้ เพราะว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการเอามือไปถูกบริเวณท้องของมันและป้องกันครีบเหงือกหรือไหปลาร้าปลามันหัก ทำให้ง่ายต่อท้องแตก เหนื่อยเมื่อยนิ้วแระ พักก่องแปปนึง

พอแช่ปลาเสร็จ เรามาเตรียมการต้มปลานะครับ ไม่ใช่ นึ่ง เอาน้ำเปล่ามาใส่ลงไปในหม้อ กะว่าประมาณ 1 เท่าตัวน้ำหนักปลาทั้งหมดที่นึ่งในครานั้น เอาเกลือใส่ลงไปอีก ต้มให้น้ำเดือดจัด ย้ำต้องเดือดจัด ถ้าไม่จัดปลาจะคาว

ที่เราเห็นปลาทูหน้างอคอหัก จากรูปที่ท่านปลาแดกเอื้อเฟื้อ จะอยู่ในท่อนนี้แระ ปลาทูจริงหน้าไม่งอคอไม่หักหรอกครับ เราตั้งใจทำให้มันหัก ที่ตั้งใจมันมีเหตุผล เพราะครีบปลาจะป้องกันพรายน้ำที่เดือดเวลาต้ม ไปดันท้องของมัน ทำให้ท้องแตกอีก

ขั้นตอนการหักคอปลา คือขั้นตอนการจับปลายัดเข่ง เวลาเราจะจับปลาลงเข่งให้ทำเหมือนเวลาควักไส้ปลา หงายท้องปลาเช่นกัน จับมือเดียวกัน แต่มือขวาของเรานั้นเอานิ้วโป้งขวา สอดนิ้วเข้าไปในเหงือกปลา แล้วไปกดที่ข้อต่อกระดูกคอปลา ใช้นิ้วชี้ขวา อ้อมไปหลังหัวปลาแล้วหักลงมาเลยเราก็จะได้ปลาตามรูป แล้วยัดใส่เข่งให้เข่งนั้นฟิตกับขนาดของปลา ดันไว้ไม่ให้คืนตัว เข่งปลาหาซื้อได้ที่ วัดตำหนัก จังหวัดนนท์ สนามบินน้ำนะครับ อ้าว...บอกแหล่งขายอีกนะ

เสร็จแล้วเอาเข่งมาซ้อนๆกัน กะให้เวลาจุ่มลงไปในหม้อต้มให้มิดพอดี อย่าลอยเหนือน้ำ จากนั้นจุ่มเลยครับ ใช้เวลาการจุ่ม 3 นาทีครึ่ง อย่านานกว่านั้น เดวเนื้อปลาจะแข็ง ชักมาดูหน่อย เห็นตาปลาจากสีดำกลายเป็นสีขาวเหมือนเม็ดสาคู ถือว่าใช้ได้แระ

ยังไม่จบ ต้มน้ำสุกเย็นไว้หม้อนึง เอาน้ำสุกนะราดตัวปลา ให้สะดุ้ง หนังปลาจะตึงสวยงาม ป้องกันแมงวันด้วย แค่นี้ก็วางแผงขายได้แล้วครับ

เคล็ดอยู่ที่ตัวปลา ยิ่งปลาที่แช่ ฟรีซ สดมากเท่าไหร่ ยิ่งดี ปลาที่ขึ้นมาใหม่ๆไม่ต้องทอด จิกกิน หรือทานกับขนมจีน หรอยจังฮู้

บอกอีกเคล็ดนึง หลายเคล็ดนะเนี่ย ปลาตัวใหญ่ราคาถูกกว่าปลาตัวเล็ก ปลาทูจะราคาแพงตั้งแต่วันที 15/02 - 15/05 เป็นฤดูวางไข่เค้างดจับ ครับ

เชื่อหรือไม่ว่าราคาปลาสดตัวละ 8 บาทไม่เกินนั้น มีน้ำหนัก 4-6 ตัวโล ที่เราเห็นตัวละ 30- 40 บาทนั่นแหละ

ส่วนปลาตัวเล็กเข่งละ 10 บาท 3 ตัว มีน้ำหนักตัวเพียง 17 ตัวโล ปลาเข่งละ 20 บาท 3 ตัว ปลามีน้ำหนัก 13-14 ตัวโล

ปลา 3 ตัว 25 บาท 12 ตัวโล ปลา 3 ตัว 30 บาท 10 ตัวโล นอกนั้นมาซอยเอา เพื่อทำกำไรและยุทธวิธีการขาย

การทำปลาทูนึ่ง ขายเข่งทิ้งอีกเข่งก็กำไร (ต้องทำเองนะครับ)

การทอดปลาให้อร่อยหนังไม่ติดกระทะ ต้องเอาปลาแช่น้ำเกลือก่อนครับ แต่ถ้าปลาทูนึ่งไม่ต้อง ปลาอย่างอื่นหรือไก่ อะไรก็แล้วแต่ ถ้านึ่งก่อน ออกมาจะสวยงาม

ทอดปลาน้ำมันต้องเยอะ ห้ามขี้เหนียวน้ำมัน ข้อสำคัญน้ำมันห้ามร้อนจัด ใช้ไฟกลาง ใจเย็นๆครับ ทอดจนข้างมันเหลืองแล้วค่อยๆพลิก แง้มๆก่อนละครับอย่าใจร้อน เดวหนังจะลอกไม่สวย

ทอดปลาต้องให้หัวมันกรอบ เพื่อนเราจะได้กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว คนมันงก นะครับ เพราะฉะนั้นต้องแช่ในน้ำมันจนมิด

งานทำกับข้าว เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ คนเป็นนักธุรกิจที่ดีได้ ส่วนใหญ่ ชอบทำกับข้าวทั้งนั้นครับ แต่ขี้เกียจทำ ให้หนูทำให้ หรือสาวทำให้ เวลาสาวยืนทอดปลา เราจะได้โอบจากข้างหลังแล้ว จุฟฟฟไง

ปลาทูนึ่ง...สูตรทำขาย ตอนที่ 2

จำใส่สมองสะบ้าง...JIMBO…ทักกี้ วิสัยทัศน์ทำธุรกิจเค้าทำแบบนี้ เข้าใจไหม?

จากกระทู้ สูตรการทำปลาทูนึ่งของผม ถ้าใครจะเอาไปประกอบวิชาชีพ ก็พอกล้อมแกล้มในช่วงวิกฤต ที่ตกสะเก็ดได้...

ทำเสร็จแล้ว เป็นแล้วจะออกตลาดอย่าไงหว่า...มึนตรึบ!

ถ้าเป็นแฟนคลับทักกี้ ต้องคิดแบบทักกี้ ชิมิ เอาตัวอย่างของผมไปใช้ก็ได้ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ เพราะผมก็ไปลอกจากทักกี้อีกที ถ้าจะจ่ายคงต้องไปจ่าย ให้ทักกี้กระมัง

หลังจากการคิดค้นสูตรปลาทูนึ่ง สูตรไร้เทียมทาน ได้เป็นที่สำเร็จ ผมก็มานั่งคิด และพูดกับตนเองว่า กูจะเอาออกไปขายตลาด ที่เป็นตลาดจริงๆได้ไงหว่า เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยเป็นพ่อค้าแม่ค้าตลาดสะด้วย

ติ้กต้อก...ติ้กต้อก...

อะ...ตายเป็นตาย หน้าด้านได้ อายอดวุ้ยส์ ว่าแล้วมิรอช้า ดีเดย์ เที่ยงคืน พอดิบพอดี ไปซื้อปลาทันใด กลับมานึ่งปลาตอนตี 3 จัดแจงนึ่งปลาทู ปาดเหงื่อ ไป 100 หยด ก็ตี 4 กว่า จัดแจงเอาเข่งปลาทูน้อยใหญ่ ซอยไซส์ และขนาด ตามหลักการ 4P ที่ร่ำเรียนมา ยัดใส่ เข่งใหญ่หรือหลัว ตามภาษาชาวบ้าน บรรจุได้ทั้งหมด 140 เข่ง เสร็จแล้วก็แบกขึ้นรถ ห้อตระบึง ไปหน้า โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ตรงนั้นมีตลาดริมฟุตปาท ชื่อว่าตลาดสายหยุด ที่เรียกว่าสายหยุด เพราะเค้าจะเริ่มกัน ตอนตี 5 พอ 9 โมงเช้าตลาดก็วายแล้ว

เอาละหว่าที่แน่นไปหมด มีเจ้าที่สะด้วย เดวพวกเอาไม้มาตีกบาลเป็นแน่แท้ เราไม่มีที่วางทำไงดี? ติ้กต้อก...ติ้กต้อก...อะได้การแระ เราต้องคิดแบบทักกี้ รุกพื้นที่ก่อนถอยทีหลังก็ได้วะ ว่าแล้วก็รีบจัดแจง คิดก่อนทำก่อนได้เปรียบวุ้ยส์ ลากหลัวที่บรรจุปลาทูน้อยใหญ่ลงมาทั้งหลัว วางมันตรงที่ว่างสัก 1 ตารางเมตรนั่นแหละ แหกปากตะโกนขาย ไม่ถึง 10 นาที มีเสียงตะโกน เฮ้ย!...ไอ้หนู นั่นมันที่ของข้านี่หว่า...เอ็งมาวางได้ไง

เอาละซิเวงมาหากูแล้วเชว ผมบ่นกะตนเอง...เย็นไว้โยม เราเป็นฝ่ายผิด...ใช้สมองจนน้ำลายเปียกกบาล อ้อ...ได้ที นึกได้แระ 10 นิ้วมือพนมกร ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ (มีจริงครึ่งนึง) พูดเสียงดังๆ แต่แฝงไว้ด้วยความไร้เดียงสา

พี่ครับ...ผมขอโทษครับ ผมไม่รู้จริงๆว่ามีเจ้าของ ผมเห็นมันว่างอยู่ ผมก็เลยมาวาง ผมตกงาน ลูกเมียไม่มีข้าวสารจะกรอกหม้อ นี่ต้องไปกู้นอกระบบ ร้อยละ 20 มา ผมไม่รู้ว่าจะขายตรงไหน ก็วางไปก่อน ขอโทษจริงๆครับ ถ้าผมไม่ได้ขายวันนี้ ผมไม่รู้จะไปขายที่ไหน ไม่รู้จะเอาตังค์ที่ไหนไปให้เค้า เดี๋ยวนายทุนมากระทืบผมตาย ว่าแล้วก็ทำหน้าแอบแบ้ว น้ำตาคลอ

เอออ...เอางี้ เจ้าของที่บอกผม ถ้าข้าให้เอ็งตั้งขายแล้ว ข้าจะขายได้ไง (พี่เค้าขายผัก) เอ็งฝากข้าขายไหม เอามา 20 เข่งก่อน เดวขายได้ข้าเก็บตังค์ไว้ให้ ส่วนเอ็งก็ลากหลัวปลาทูไปไกลจากข้าหน่อย ลากไปขายไป

ครับๆๆพี่ ตกลงครับขอบคุณพี่มาก พี่ขาย 20 เข่งผมให้กำไรพี่ 4 เข่ง พี่เอาใบตองกะกระดาษหนังสือพิมพ์ ที่ผมตัดไว้เอาไปห่อด้วย ผมแถมให้

ว่าแล้วผมก็ลากหลัวไป แหกปากร้องเร่ไป สักชั่วโมงกว่าๆ มีเด็กรุ่นกระทงคนนึง วิ่งเลิกลั้กมาหาผม แล้วบอกว่า พี่ครับ พ่อผมที่ขายผักให้มาเอาปลาทูอีก 30 เข่ง ปลาทูพี่ขายดีนะพี่ ผมรีบจัดแจงให้ทันใด จากนั้นผมก็ขายของผมไปเรื่อยๆ แหกปากไปลากหลัวปลาทูไป เจอที่ว่างแหมะ เจ้าของที่มาเผ่น ทำอย่างนี้จน 9 โมงเช้า แหม...เวลาวิ่งไวอย่างจรวด และแล้วผมก็ขายไปได้ 70 เข่ง

สรุปวันนี้ผมขายที่ตลาดนี้ได้ 120 เข่ง รวมพี่พ่อค้าผักที่เค้าขายด้วย 50 เข่ง เหลืออีก 20 เข่ง ทำไงดีหว่า ของเหลือเสียดายเงินทั้งนั้น...คิดปุ้บทำปั้บ สไตล์ทักกี้ คิดแล้วไม่ทำคิดทำไม...

ผมไปหาพี่ที่ขายผัก ไปเก็บตังค์ แล้วถามพี่ครับ ผักพี่เหลือ พี่ทำอย่างไรครับ ผมได้คำตอบว่า ข้ามีตลาดนัดเย็น เอาไปเลต่อที่นั่นได้ สายตาผมลุกวาวทันใด ผมไม่รอช้ารุกต่อทันที แล้วพี่ไปขายที่ไหนละครับ ค่าที่แพงหรือป่าวครับ ผมได้คำตอบว่า ข้าไปขายที่ท่าอิฐ เอ็งจะตามข้าไปขายด้วยไหม หัวหน้าตลาดนัดซี้กันเดี๋ยวข้าแนะนำให้ ค่าที่ไม่แพง 20 บาท ถ้าเอ็งใช้ไฟด้วย เพิ่มดวงละ 20 บาท...

ป้าด...นายจิม เอ็งนี่พระเจ้าช่วยจริงๆ ไม่รอช้ารีบเซย์เยสทันควัน และแล้วผมก็มีที่ขายที่ตลาดนัดอีกที่หนึ่ง เอิ้กๆๆแฮปปี้จังวุ้ยส์ ช่วงปี 40 วิกฤต ผมไม่กลัว แต่ผมกลัวความขี้เกียจ มากกว่า

เดวไว้มาโม้ตอนต่อไปนะพี่น้อง บ้ายบาย...

มาแว้วๆๆๆ ต่อๆนะครับ...

ผมได้แรงบันดาลใจ จำไม่ได้งานเขียนของใคร ที่เขียนเรื่องประวัติ ทักกี้ ตอนปี ประมาณ 2534 ว่าเค้าสู้และมีวิธีคิดอย่างไร จากข้างบน จะมีนัยยะว่าด้วยการทำ Union ทางธุรกิจ การคิดใหม่ทำใหม่ คิดแล้วทำการโรดโชว์สินค้า ข้อสำคัญบอกว่า ไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคอันใดมาขวางกั้นได้ถ้าใจเรามีไฟ มีความหวังแบบเรื่อง cast away คนไม่มีไฟ หรือ ไร้ความหวัง คือคนที่ตายแล้ว ครับ

โพสต์โดย: vit6878 : เออ...นึกว่าโดนซะแล้ว...ไม่รู้จักเจ้าที่...เจ้าทาง... เดชะบุญ...ผลของการทำตัวน่ารัก...เราให้เขาก่อน...เขาจึงให้ตอบกลับมา เหมือนท่านทักษิณ...เรารักเขา เพราะเขารักเรา

มาต่อเรื่องปลาทู กันนะครับ...

ผมทำอย่างงี้...ได้สามวันที่ตลาดสายหยุด จนแม่ค้าที่นั่นสงสารและเห็นความตั้งใจของผม มีพี่คนนึง ขายกระเทียม พริกแห้ง แผงของเค้ายาวมาก ประมาณ 5 เมตร เค้ามาบอกว่า เฮ้ย...ไอ้หนู เอ็งมาลากงี้ ลูกค้าเค้าจะจำเอ็งได้หรือ ว่าเอ็งขายตรงไหน มามะ ข้าแบ่งแผงให้เอ็ง ล็อคนึง เสียค่าเช่าเองนะวุ้ยส์ แต่เอ็งเสียกะข้านะ เดวเทศบาล มันไม่รู้ว่าเอ็งเป็นใคร

เยสเซอร์ รีบตอบทันใด ค่าเช่าก็คือค่าขยะแระพี่น้อง 20 บาทเอง 5555 ดีใจจังได้เป็นเจ้ามีศาลสะที และแล้วผมก็ปักหลักตรงนั้นขาย อีกด้านนึงก็ส่งพี่ที่ขายผัก แกขยับออร์เดอร์มาที่ 100 เข่งต่อวัน ส่วนผมขายได้วัน 200 เข่ง สำหรับตลาดหน้าโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า

โพสต์โดย: Monkey_D_Luffy : เอาเสื่อมาปู ข้าวพร้อมน้ำพริกมี...เตรียมจดสูตรการตลาดครับ...
- เมื่อก่อนค่าที่ 20 เดี๋ยวนี้ค่าที่ 200 (ราคามาตรฐาน)
- ตอนนี้ใครๆทำตลาดอย่างเดียว บางทีตลาดไม่มีคนเดิน
- ขายเช้า 6 โมง-8.30 โมง เที่ยง 11.30-13.30 ชั่วโมงทอง 12.30-13.00

มาต่อที่ตลาดนัดท่าอิฐ กันนะครับ...

หลังจากที่ผมใจง่ายตามพี่ที่ขายผักไปที่ตลาดท่าอิฐ ผมวิ่งไปเอาปลามานึ่งเพิ่มเติม โดยคราวนี้ผมคิดว่าไม่น่าจะลงของมาก ครึ่งนึงของตอนเช้าก็พอ คือ 60 เข่ง+20เข่งตอนเช้า แต่ปลาบนแผงผมที่ขายที่ท่าอิฐ มีปลาเพียง 60 เข่ง อะอะ นายจิม เล่นไรของมันหว่ามุกเยอะนะไอ้นี่...

ผมเอาปลา 20 เข่งถอดออกจากเข่งเอามาเรียงในกระจาดเป็นตัวๆ ผมขายตัวละ 3 บาท 4 ตัว 10 บาท ใครซื้อปลาในเข่งผม สามเข่ง ผมแถมปลาอันนี้ให้ 4 ตัว

เอิ้กๆๆๆ วิธีคิดแบบ 4P มาอีกแระ ทักกี้ สอนงะ...

ถ้าผมเอามาเล ขายก็เสียของ และเสียคุณภาพ เพราะปลาเช้ามันไม่ใหม่แล้ว และจะเป็นข้อเปรียบเทียบกับปลาใหม่ที่วางขาย คราวหน้าราคาตกแน่ ตกทั้งกระดาน ถ้าผมเอามาแถมดื้อๆ ลูกค้าได้ใจอีก อิอิ สันดานคนไทย ชอบ ดีๆๆถูกๆๆเร็วๆๆจ่ายเงินช้าๆๆ

ระหว่างที่ขายไป สมองอันน้อยนิดของนายจิมก็แล่นปรู้ดๆๆ ทำไงเราจะได้ขายต่อเนื่องหว่า

ตีซี้ซิ นายจิม หัวหน้าตลาดเดินมาเก็บตังค์ ไม่รอช้า ยกมือไหว้ พี่ครับ ผมขอเป็นลูกน้องพี่สักคนนะครับ พี่ไปไหนผมไปด้วย

พี่หัวหน้าตลาดตอบว่า น้องตามพี่ได้นะแต่ต้องทำใจ เพราะพี่ขาย จันทร์ พุธ ศุกร์

มีอย่างที่ไหน ที่คนอย่างนายจิมจะ โน เวลาได้โอกาส รีบเลยขอบคุณครับพี่ แล้วผมก็ขอตารางการเดินสายมาจากหัวหน้าตลาด ยังมีต่อ ขอเบรค ให้อีหนูนวดนิ้วแปป...

อ้าวขาย แค่ จ พ ศ เอง อย่างงี้ กูจะขายได้ 7 วันไหมเนี่ย ทำไงหว่า ความงกเริ่มถามหาแล้วพี่น้อง

และแล้วก็งัด วิธีมารมาใช้ อันนี้ ทักกี้ กะ ภาษาโปรดักชั่น สอนไว้เผอิญได้เป็นศิษย์ ร่วมสถาบันกะนัดวุฒิ สามเกลอ งะ ใช้กระบวนยุทธ ต่อยหน้า กระทุ้งท้อง เตะตัดขา

พอหลังจากคุยกะพี่ หัวหน้าตลาดนัดเสร็จ ก็ติ้กต้อก...ติ้กต้อก...เราต้องหาข้อมูล จากเพื่อนที่ขายด้วยกันในตลาด ว่าแล้วก็สอดสายตา ใครพอที่จะมี อารมณ์งกเหมือนผมบ้าง

อะนะ เจอแว้ว พ่อค้าคนนึง แกมี ลูก เมีย พร้อมลูกจ้างมาขาย (แกขายของพวก จิปาถะ มีสร้อย กิ้บ ของสำเพ็งว่างั้น) อย่างงี้แสดงว่าความรับผิดชอบสูง หยุดไม่ได้ กินทุนตายแน่ๆ ค่าจ้างต้องจ่ายลูกน้อง หยุดแล้วเอาเงินที่ไหนมาจ่าย แม่น บ่ พี่น้อง

ไม่รอช้า รีบเดินไปหาพี่เค้า พร้อม ปลาทู 2 เข่ง ยกมือไหว้ บอกเค้าว่าพี่ครับลูกพี่น่ารักจังมาช่วยกันทำมาหากิน อย่างงี้พี่หยุดไม่ได้สิ ผมเป็นน้องใหม่ที่นี่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ

เฮ้ย...มาฝากตงฝากตัวอะไรกัน ผมก็คนค้าขายคนนึงเท่านั้น ช่ายคุณ...ผมหยุดไม่ได้ อะ เข้าล็อคตาจิม เสร็จโก๋...ผมพูดในใจอีก

ผมหยุดไหนจะค่าบ้าน ค่ารถ ลูกน้องอีก ลูกกำลังโตนะคุณ พอผมฟังดังนั้น ผมรีบเอาปลาทูที่เตรียมยื่นให้พี่เค้า แล้วบอกว่าพี่ครับ อย่าว่าอย่างนู้น อย่างนี้เลย ผมเห็นเด็กๆแล้วเอ็นดูพี่รับปลาทูผมไปเถอะ (มุกเดวกะภรทิพย์)

ไม่รอช้ายิงคำถามต่อ พี่ครับแล้วอย่างงี้พี่ทำเช่นไรละครับ ผมได้คำตอบว่า ผมมีอีกนัดนึงที่วัดเฉลิมพระเกียรติ เค้าขาย อังคาร พฤหัส เสาร์ นะ ส่วนอาทิตย์ ผมไม่ได้ขายต้องไปเตรียมของ ต้องไปสำเพ็ง

ผมรีบปิดการขาย โดยการถามว่า พี่ครับช่วยแนะนำ หัวหน้าตลาดให้หน่อย นะครับ ผมขอตามพี่ไปด้วยคนนะครับ เค้าบอกได้เลยน้องเพราะนัดนี้ แม่ค้าไม่เยอะ หัวหน้าเค้าหาแนวร่วมอยู่

555555 พระเจ้าจอร์ช มันยอดมาก นายจิม ได้ขายเกือบครอบอาทิตย์แล้ว เดวมาต่อครับ แปปนึง พักกินน้ำก่อง...

ต่อๆๆๆ เช้าขายสายหยุด เย็นเดินสายตลาดนัด ทำอย่างงี้เกือบเดือน ยอดนึ่งปลาผมทะลุเป้าจากนึ่งวันละ 40 โล กลายเป็นนึ่งวันละ 200 กว่าโล เหนื่อยเจงๆๆ แต่พักไม่ได้ พักได้ไง เหล็กต้องตีตอนร้อนๆ ชิมิ ชื่อเสียง นายจิม เริ่มโด่งดังคุณภาพสินค้าแจ๋วแวบ จนมีลูกค้าย่านบางบัวทอง ท่าอิฐ นนท์ ตั้งฉายา ผมว่าเจ้กโบ้ขายปลาทู

พอมีเงินใช้มากมาย ต่อวันกำไร ผมวันละ 5 พันกว่าบาท เริ่มหันมามอง ครอบครัวแระ เมียเราเหนื่อยกับเรามามาก เราต้องเพิ่มศักยภาพของเมีย ยกให้เมียเป็นเถ้าแก่ อีกแขนงนึงดีกว่า เพื่อจะได้ บาลานซิ่งมาร์เก็ต ลดความเสี่ยง

ขยายกิจการ อะอะ อย่าใจร้อน ไม่ใช่ปลาทูนึ่งนะครับ แต่เป็นน้ำพริกปลาทู ตำสดๆตรงนั้น ขายพร้อมผักลวก แล้วกำขาย เมียผมสีมือตำน้ำพริกสุดยอด พวกอิสลามท่าอิฐถามหาเชวเวลามีงานบุญ

ผักลวกหรือก็ซื้อผักที่พี่คนตลาดสายหยุดนั่นแหละ พี่เค้าเวลามีผักเหลือ ผมก็ซื้อมาลวก ถ้าผักไม่สวย ผมก็เอามาดอง แล้วกุ่มขาย น้าน...วิสัยทัศน์ ทักกี้ อีกแระ ทำยูเนี่ยน ผูกขากันเดิน

เรื่องน้ำพริก พักไว้ก่อน เดวนอกเรื่องบานตะเกียง...

วงจรชีวิต การนอน และทำงานของผม คือ ไปเอาปลาตอน 4 ทุ่ม ถึงบ้าน 5 ทุ่มครึ่ง ตื่นตี 3 นึ่งปลา มาขายสายหยุด จน 9 โมงเช้า ไปเอาปลา มาถึงบ้าน 11 โมง นอนตื่นนึง ตอนบ่ายสอง มาทำปลา ออกตลาดนัด 5 โมงเย็น ขายถึง 2 ทุ่ม เหนื่อยจริงๆ แต่มองหน้าลูกเมียแล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

โพสต์โดย: น้าคำฟอง : "มองหน้าลูกเมียแล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง" อ้าว! แล้วเอาอีหนูที่นวดนิ้วไปไว้ไหนละ...(ฮา)

น้าคำฟองก็ แหม...ผมก็ เว่อร์ เพื่อเป็นสีสันนะก้าบ น้าไม่รู้หรอ ที่หลังฉายา ผมคือ เสี่ยเว่อร์ งะ...

ต่อๆๆๆ เดวเขียนคอลัมน์นี้เสร็จขอตัวหม่ำก่อน 40 นาทีนะครับ ถ้ามันใกล้หลุดหน้าผม ขออนุญาต จะตั้งกระทู้ใหม่ คอยตามชม ละกัน มีเด้ด สะระตี่ กว่านี้อีก

หลังจากขายตลาดนัดได้ 3 เดือน พอมีเงินเก็บหลักแสน เห็นไหม ความขยัน ไม่เคยทำให้เราอดตาย

ผมเริ่มมานั่งคิด กูจะเป็นเจ้าไม่มีศาลอย่างงี้ ตลอดไปไม่ได้แน่ๆ บ่นกะตนเองอีก ผมขออินโทร...นิดนึง ปกติ ก่อนที่จะมาขายปลาทู ผมเป็นนักธุรกิจ ผมถือคติว่าต้องปั้นหน้าใส่กระจกเงาทุกเช้าที่เข้าห้องน้ำแล้วหัดกระแดะพูด ประโยค ในหมากหรือเกมส์ในวันนั้นๆ

ผมเริ่มสอดส่ายสายตา และเปิดความคิด ต้องหาแผงที่เป็นตัวเป็นตน จะได้ สร้างไอดอล และพุช อิเมจ ลงในสมองของลูกค้า

ผมเดินสายสำรวจ ตลาด วางมือเรื่องปลาทูตลาดนัด บอกว่าป่วย 2 วัน ไปทั่วจังหวัดนนท์ ดู รสนิยม การบริโภค วัฒนธรรมการซื้อของของคนในพื้นที่ ผลสรุป คือผมมาได้แผงที่ตลาดปากเกร็ด

แต่มีข้อจำกัดว่า แผงนั้นอยู่กลางตลาด หน้าตลาดมีร้านปลาทูนึ่งสัก 20 กว่าร้าน กว่าลูกค้าจะไปถึงมือเรา สงสัยโดนดักหน้าดักหลังหมดแน่นอน ทำไงดีหว่า ติ้กต้อก...ติ้กต้อก...ก็เลยต้องงัด ทฤษฎี ทักกี้มาใช้อีก ว่างั้นเชว ว่า...

- โปรดัคชั่นนั้น ต้องไม่มีใครเหมือน เราต้องขายความแตกต่าง
- สินค้าที่เราขาย ต้องมีอายุ เอกซาพาย ไม่ยาว
- ในใจลึกๆของผู้บริโภค ต้องการรูปแบบไหนในสินค้าของเรา
- สินค้านั้นต้องครอบคลุมถึงทุกชนชั้น กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวว่างั้น
- ราคาสินค้า ต้องทำให้ ผู้บริโภคคิดว่าเราไม่ได้เอาเปรียบเค้าจนเกินไป

หมายเหตุ: การทำธุรกิจคือการเอาเปรียบทั้งนั้น เพียงแต่มากน้อยหรือเปล่า คนที่ติดกับธุรกิจเรา คือคนที่คิดว่าเค้าได้เปรียบเรา นั่นคือ เคล็ดลับ เคล็ดมาก เดว...ครายเป็นสปอนเซ่อร์ บัตรนวดให้ด้วยเด้อ

โพสต์โดย: wsarit : อาจารย์ JIMBO ไม่ทราบมีรูปปลาทูที่ท่านทำหรือเปล่าครับ ขอยลโฉมหน่อยได้บ่อ (ขอใกล้หน่อยเด้อ ถ้ามี)

ในครั้งต่อไป to be continue มะใช่ 2B1 นะก้าบ ท่านใดอยากเห็นรูป เสียใจด้วยก้าบ ผมเลิกทำมานานมากแร้ว และขณะนั้นมือเปื้อนปลาทูทั้งวัน ตัวเหม็นหึ่ง ไม่มีเวลาจับกล้องหรอกคร้าบ ขนาดโทรศัพท์ ยังใช้ Dyna tac 900 กระดูกหมา กับ Nokia เสากลางอยู่เลย

ปล.บอกแล้วไง ครายเรียก จารย์จิมมี่โกรธ เรียกพี่จิมดีก่าคร้าบ หรือครูจิม ก็ได้ ขลังดี เดวปั้ดเหนี่ยวเลย

โพสต์โดย: wsarit : อ้าวเรอะ...ไม่ให้เรียก อาจารย์เหรอ อืมม...เอาเป็น เฒ่า jim (เหอเหอ ดูจากรุ่นโทรศัพท์) เรียก เฮีย jim ละกัน (ปล.ไม่มีเพี้ยนเป็นอย่างอื่นแน่นอน)

โพสต์โดย: songvit1 : สงสัย ทำไปทำมาเข้าวันละหมื่น เดือนละสามแสนเชียวนะครับ ทำเป็นเล่น

โพสต์โดย: น้าคำฟอง : น้าจิม อัดน้ำพริก+ปลาทูใส่กระป๋องส่งขายโอท็อป ประเดิมของนายกฯทักษิณบ้างซิ

ปลาทูนึ่ง...สูตรทำขาย ตอนที่ 3

ทักกี้...สอนธุรกิจ JIMBO ผ่านไปยัน มาร์ค (เผื่อพี่น้องด้วย จร้า)

คราที่แล้วจอดไว้ที่ ได้แผงปลาทู ตลาดปากเกร็ด แล้วทำอย่างไร?

เมื่อหัวตลาดท้ายตลาดมีเจ้าอื่นดักไว้หมด แล้วลูกค้าจะเล็ดรอดมาถึงมือ นายจิมได้เช่นไร เห็นแล้วมึนตึบ บังเอิญ นายจิม เป็นคนไม่ยอมแพ้ ต่อโชคชะตา ปัญหามีไว้แก้ไข ไม่ได้มีให้วิ่งหนี อิอิอิ บนวิกฤต ย่อมมีโอกาสเสมอ ทักกี้ สอนไว้

ด้วยหลัก 4 ประการ ที่กล่าวไว้ในตอนก่อนหน้านี้ เอามาพิจารณาทีละข้อ หาจุดด้อย จุดแข็ง กลับย้อนมามองตนเองทุกกระบวนการ ทั้งที่ทำมาแล้วหลายเดือน และแล้ว โอว พระเจ้าจอร์ช ได้การแล้ว ที่นายจิมจะช่วงชิงลูกค้ามาอยู่ในมือ โดยไม่ตัดราคาและสร้างศัตรู

ข้อแรก นายจิมต้องขายความแตกต่าง อะ...ได้ทีเลย เริ่มทำ ณ บัดนาว...

จัดแจง ย่อส่วนขนาดของหม้อต้มปลาทูให้เล็กลง หาเตาแก๊สหัวเร่งขนาดย่อมหัวเขียวๆ มีตัวปรับงะ สีแดงๆ นั่นแหละพี่น้อง...ยกโรงงานปลาทูนึ่งมาวางมันกลางตลาดสดสะเลย ขายความสดใหม่ ไม่มีแมงวันมากวนใจ อิอิ ข้อสำคัญ ไม่ต้อง Kept stock ปลาที่นึ่งแล้ว ลดความเสี่ยงลง

ปลาที่ยังไม่นึ่งจะอยู่ในสภาพน้ำแข็ง เอาไว้ปีนึงก็ไม่เน่า มีคนซื้อก็นึ่ง ไม่มีคนซื้อก็ไม่นึ่ง ขายความสดใหม่ ได้อิมเมจ และฟีลลิ่งที่แตกต่าง

ปลาที่นึ่งมาสดๆร้อนๆ ตัวจะใสเป็นตะกั่ว เนื้อนิ่ม ตัวพอง เบ้อเริ่ม ไอ้ตัวพองนี่แหละความได้เปรียบทางการค้า ในแง่ของอารมณ์ของผู้บริโภค ผมใช้ปลาไซส์เดียวกันกับชาวบ้านที่เค้าขายนั่นแหละ หุหุ แต่คนซื้อนึกว่าเราขายถูก ตัวเบ้อเหิ่ม หลอก คนซื้อได้ สนิท คริคริ

สรุป อิอิ ในตัวโปรดัคชั่น เราได้เปรียบ ในแง่ความรู้สึก ว่าของเราตัวใหญ่กว่า ความสดหรือไม่ต้องพูดถึง แผงสะอาด ผมแต่งตัวค่อนข้างดี อิอิ คำพูดคำจา เพราะพริ้ง เปลี่ยนฟีลลิ่งภาพลักษณ์ ที่อิมเมจ คนทั่วไปมองแม่ค้าว่าปากจัด อันนี้ ต้องสร้างภาพหน่อย นายหัวชวนสอนไว้ อ้าว...นายจิม ทำงี้ได้ไง ไม่แฟร์นี่หว่า ทีเรื่องดีๆ ยกให้ทักกี้ เรื่องไม่ดียกให้นายหัวชวน เอิ้กๆๆๆ เดวรอเพื่อนมาเม้นท์ก่อน แล้วจะบอกว่า การเตรียมตัวดี แต่ขาดงาน Advertising จะทำเช่นไร

โพสต์โดย: Grand Father : โอว...ยกโรงงานปลาทูนึ่งมาวางมันกลางตลาดสด เยี่ยมยอด จริงจริง...

มาตอนนี้ ทำอย่างไรให้บรรลุเป้าหมาย ไม่สร้างศัตรู หาแนวร่วม กลัวลูกปืนเหมือนกัน

วันแรกในการขาย ผมเริ่มนึ่งตอน 7 โมงเช้า ถามว่าทำไมต้องนึ่งตอน 7 โมง อิอิ มีเหตุผล ตลาดกลางวันปากเกร็ด ด้านหลังเป็นอำเภอและโรงพัก ข้อที่สอง ตอนเช้ามีแต่แม่ค้ามาเดินซื้อไปขายต่อ ซึ่งไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของผม ผมชอบขายปลีกกำไรงาม ตอน 7 โมง จะมีพวก ขรก. แม่บ้านคนในท้องที่และแม่บ้านออฟฟิศมาเดิน นั้นแหละกลุ่มเป้าหมายหลักของผม ผมต้องการ Push image และต้องการปากของแม่บ้านเป็นสื่อให้ผม

พอผมเริ่มนึ่ง พวกแม่บ้านเริ่ม งง อะไรของมันหว่า ปลาสดๆ ควันฉลุยตัวสวยงาม เริ่มซื้อบ้าง มาสอบถามบ้าง ว่าอะไรเป็นอะไร ปลาทูแม่กลองหรือป่าว ทำไมตัวมันเป็นสีตะกั่ว ไม่สีเหลือง โอย 108 คำถามทีเดียว แต่ผมไม่รำคาญ ตอบด้วยความยิ้มแย้ม ตลกขบขัน ตามภาษา ผมหยอกมั่งหยิกมั่ง พี่สวยจังนะครับ แต่งตัวเนี้ยบอย่างนี้ ต้องเป็นคนดังแถวนี้แน่นอน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ปลาไม่อร่อยมาคืนได้ ยินดีรับคืนครับ

พอช่วงเที่ยง อ้ายหยา...เกินคาด พวกตอนเช้าไปบอกในที่ทำงานตามมาดูกัน เสร็จโก๋ โดดลงหลุมที่ขุดไว้

ครานี้แน่นแผงเลย บางคนก็ซื้อบางคนก็ลังเล บอกว่าเดวซื้อตอนกลับบ้าน บางคนจะซื้อเลยคราละมากๆ ผมบอกว่าเอาอย่างงี้ดีกว่าคุณพี่ ถ้าซื้อมากๆ ซื้อตอนเย็นขากลับบ้านดีกว่า ผมจะจัด แบบใหม่ๆใส ปิ้งให้ทีเดียว ตอนนี้ถ้าจะซื้อเอาพอรับประทานนะครับ

แทร็กติค ทำการค้าอย่าโลภ เราเริ่ม Push สินค้า พร้อมตัวเราลงไปในอิมเมจของลูกค้าแล้ว เหอๆๆ พักนิ้วแปป...ครับ

โพสต์โดย: sri123 : เรื่องนี้มีนัยยะ เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการตลาดนะ สินค้าชนิดหนึ่ง มันไม่ได้เกิดมาเพื่อเอาใจทุกคน เจาะกลุ่มใดให้ได้ หาฐานลูกค้าให้ได้ กลุ่มที่อื่นๆ ที่จะตามมาก็คือกำไร ภาพลักษณ์ที่ดูน่ากิน ก็เจาะตลาดลูกค้าได้ระดับหนึ่ง แต่ของกิน คุณภาพนั่นดีเรื่องของรสชาติ ภาพลักษณ์จะดูดีอย่างไร รสชาดไม่ดี ลูกค้าก็ไม่มีรีเทิร์น เคล็ดลับคุณลุงเนี่ย ได้ทั้งลูกค้าใหม่ และผูกใจลูกค้าด้วยรสชาด ตามสูตรโพสต์แรก…ขอบคุณสำหรับความรู้ที่แบ่งปันค่ะ

พอช่วงเย็น อ้ายหยา...มาแบบมืดฟ้ามัวดินเลยทีเดียว ปลาที่เตรียมไว้นึ่งขาย 60 โล เรียบเป็นหน้ากอง ภายใน 1 ชม. ผมไม่เพิ่มปลา เพราะต้องการเพิ่ม value ให้ตนเอง แต่ผมยังไม่เก็บแผงนั่งรออยู่ที่นั่นคอยรอตอบคำถาม อิอิ เหมือนปลดกระดุมเสื้อนักศึกษา 1 เม็ด ให้คนอยากทราบ นั่งที่นั่นต่อ ยัน 6 โมงเย็นนั่นแหละครับ จากนั้นก็นึ่งปลา อิอิ มีแอบ นึ่งอีก ถามว่านึ่งทำไม แหะๆๆ แปปนึงรับสายโทรศัพท์ก่อน

มาต่อกันนะครับ ผมแอบนึ่งปลาตอนตลาดใกล้วาย เพราะต้องการสร้างเรื่อง ให้เป็นเรื่อง ผมนึ่งประมาณ 3 โล ได้ปลา 12 เข่งอิอิ ผมเอาบรรณาการกับแม่ค้าขายผัก ขายอย่างอื่นที่คนแน่นร้านเค้าที่ปากทางและท้ายตลาด ผมบอกว่า พี่ครับผมเป็นน้องใหม่ที่นี่ พี่ลองทานปลาทูสิครับ ผมวันแรกขายไม่หมด เสร็จแล้วผมไม่ลืมขอบคุณเค้าและซื้อผักกลับบ้านไปต้มจับฉ่ายกิน

จากนั้นผมเดินไปที่แผงที่ขายปลาทูด้วยกัน ที่ขายหน้าตลาดและท้ายตลาด แล้วเอาปลาทูไปให้เค้าบอกว่า พี่ครับผมเป็นน้องใหม่ ตกงานไม่มีงานทำ ว่าแล้วทำหน้าเศร้าๆ พี่อย่าโกรธผมนะ ผมทำแค่เลี้ยงชีพ ไปวันวัน ไม่ได้หวังรวยไม่ได้หวังเอาเป็นอาชีพหลัก ว่าแล้วผมก็เอาปลาทูของผมให้เค้าบอกว่าพี่จะเอาไปทานเองหรือขายก็ได้ ผมให้ 5555 เสร็จโก๋

วันที่ 2 ในการขายผมก็ยังคงรักษาระดับ 60โลไว้เช่นเดิม ไม่เพิ่มยอด อิอิ อย่าโลภ นายจิม ปลาตอดเหยื่อ แต่ยังไม่ฮุบอย่าผลีผลามวัดเบ็ดเดี๋ยวปลาเข็ด ผมก็ยังคงใช้สูตรเดิม แต่ลูกค้าเพิ่มเป็นเท่าตัว ลูกค้าบ่นว่าทำไมไม่เพิ่มของ ผมบอกว่าพี่ครับผมไม่มีทุน ทุนน้อยกำไรนิดหน่อย ผมลงปลาเยอะเกิดขายไม่หมดวันนั้นผมกินแกลบแน่ๆ เอาเป็นว่าพี่มาเร็วหน่อย หรือจองไว้ก็ได้ครับ แต่รบกวนพี่มาตรงเวลาหน่อยนะครับ ผมจะเก็บไว้ให้พี่เป็นพิเศษ

จากนั้นก็แอบนึ่งปลาเหมือนเดิม ครานี้เปลี่ยนเจ้าที่เราจะให้ของเค้า ใช้สูตรเดียวกันเดะเลย

ลูกค้าสั่งจองเพียบเลย อิอิ ได้ลูกค้าประจำ 60 โลเรียบร้อย ปลากินเบ็ดแล้วพี่น้อง ผมเพิ่มปลาละ ครานี้เพิ่ม 10 โล อย่าโลภ ดูทิศทางลมด้วย ขายหมดอีกแหะหมดภายในครึ่งชม. เพราะคนที่สั่งจองรีบมาเอาของกัน แหะะะะะะ

วันที่ 3-7 ผมก็เพิ่มปลาทุกวัน 10 โล ใครซื้อเยอะผมไม่ขาย แต่มีแถม อะ ลูกค้าผมทยอยมาทุกวันทุกคนรักษาเวลา กลัวไม่ได้ปลา

วันที่ 8 ยอดขายปลาทะลุถึงวันละ 100 โล ผมเบรคแค่นั้นยาวเลย ตั้งใจไว้ว่า อ่อยเหยื่อสักเดือนนึง ชื่อเสียงผมเริ่มขจรไกล จนฉายาเจ็กโบ้รู้ไปทั่วทั้งอำเภอปากเกร็ด คู่แข่งทางการค้าก็ไม่โกรธ เพราะยอดขายผมไม่ได้มากมายอะไร

ผมเริ่มคิดแล้วว่า เราจะผูกลูกค้าที่เป็นหน่วยงาน หรือขาประจำร้านอาหารอย่างไร ติ้กต้อก...ติ้กต้อก...นายจิม ถ้านายจิมเพิ่มยอดขายมากๆๆ วันนึงกร้าฟทะลุ คนจะเบื่อ วันนั้นเราจะซวยของเหลือแน่ๆ ฟองสบู่ปลาทูแตกโพละหงิมๆๆ แถมเพิ่มศัตรูสะอีก มะอาว...

ผมเริ่มสังเกตลูกค้า ท่านใดเป็นแม่บ้านออฟฟิศ แม่บ้านโบสถ์ หรือองค์กรราชการ และแล้วผมก็เจอพี่คนนึง แกเป็นแม่บ้านโบสถ์ แกจะทำอาหารเลี้ยงคนที่มาโบสถ์ ผมเริ่มจีบเค้าแระ จิจะไปเรื่อย ถามเค้าว่าพี่ครับที่โบสถ์มีคนมาประมาณเท่าไหร่ เค้าบอกว่า 200 กว่าคน พี่ครับผมนึ่งปลาทูให้ฟรีนะครับ ทำบุญนะครับ เค้าตอบตกลง ปลากินเบ็ดอีกแล้ว อิอิ 200 กว่าคน คนละ 2 ตัว 400 ตัวเอง ทุนแค่ 700 กว่าบาท ได้ใจอีกต่างหาก ได้ลูกค้าเพิ่มด้วย เหอๆๆๆ

ถึงวันที่นัดหมายเอาปลา ผมบอกเค้าว่าพี่ครับพี่มาจ่ายตลาดวันนั้นป่าวครับ เค้าบอกว่ามาจ่ายสิ แหม...ปลาที่คุณตั้งใจทำบุญไม่เอาได้ไง ขัดศรัทธาแย่เลย ผมบอกว่าเอางี้พี่จ่ายตลาดเสร็จ ผมขับรถไปส่งพี่ละกันพร้อมเอาปลาทูไปให้ด้วย แหมทำบุญทั้งที ต้องส่งให้ถึงที่เดวบุญผมไม่ได้ 100%

และแล้วผมก็เอาปลาไปส่งให้ พี่เค้าแนะนำตัวผม พร้อมร้านของผมให้คนที่มาโบสถ์ บางคนก็เป็นลูกค้าผมอยู่แล้ว บางคนก็ไม่ได้เป็นเพราะบ้านเค้าอยู่เมืองทอง หรือที่อื่น ไม่เป็นไร เราต้องการ Push image นี่

ผมไปอธิบายให้เค้าฟังว่า ปลาทูมีที่มาที่ไปอย่างไร คุณลักษณะที่ดี เป็นอย่างไร วิธีเลือกปลา แสดงความเป็นมืออาชีพให้เค้าเห็น อะอะ ขายตนเองสะแว้ว นายจิม วันนั้นจบด้วยดี แหะๆๆ

วันถัดไปของการไปโบสถ์ อ้ายหยา...มาจากไหนหว่าลูกค้า คนที่ไปโบสถ์ พาเพื่อนมาด้วย มาซื้อกันมาดูกันว่าปลาทูนึ่งนั้นทำอย่างไร ซื้อกันหมุบหมับแผลบเดียวเรียบเลย ไมได้การแระนายจิม เอาปากกามาจดๆๆ ชื่อที่อยู่ทำแบบสอบถามเลยเรา เดวยอดมันโด่งเกินไม่ดีแน่... กินแฟแปปนึงพี่น้อง

มาแว้วววว...ต่อจากนั้นผมเริ่มกลยุทธไดเรคเซลส์ พอพี่เค้ามาซื้อบอกว่าเอางี้พี่โทรหาผมเลยดีกว่า วันไหนต้องการปลาทู มากน้อยไม่ว่ากัน พร้อม พี่จะซื้ออย่างอื่นก็ได้ เดวซื้อให้ เดวขับรถไปให้ยันบ้านเลยครับ (บ้านใกล้แถวนั้น)

แต่ถ้าพี่เมตตา ลูกนกตัวน้อย รบกวน พี่รวบรวมเพื่อนบ้านใกล้เคียงด้วย ผมจะได้มีตังค์ค่าขนมลูก แหะ แหะ สร้างแนวร่วมและสร้างบารมีแล้วไง สูตร ทักกี้เลย

ได้การแหะ มีคนสนใจเป็นจำนวนมาก ผมไม่มีศัตรูด้วย เพราะผมไม่เพิ่มยอดขายหน้าแผง ลืมบอกไปยอดขายหน้าแผงผมตอนนั้น เพิ่มเป็นวันละ 150 โล แต่ยอดรวมทะลุไปที่ 250 โลแล้ว กำไรวันนึงไม่ต้องเซด ทุก 100 โล ผมมีกำไร 4,500 บาท (จริงๆก็แอบเพิ่มงะ) นี่ไม่รวมงานที่ออกนัดนะ ผมยกกิจการให้ภรรยาทำ กับพี่น้องเมีย อิอิ กุศโลบาย ไม่ต้องเลี้ยงเมีย ให้เมียเลี้ยงตนเอง บุฟเฟ่ต์งะ

โพสต์โดย: yul : กลยุทธ์ กลเม็ดยอดเยี่ยมสุดๆเลย ถ้าทำงานการเมืองนี่ นาโย๊กเห็นๆเลยนะ จิม แม้กระทั่งลีลาการ post กระทู้ยังมีกลยุทธ์ เพิ่มยอด CLICK เลย ฮ่า ฮ่า

ระหว่างขายที่ปากเกร็ด มีเรื่องราวมากมาย ทุกอย่างผมเก็บทุกเม็ด อะ คนจนมาซื้อของตังค์ไม่พอ ผมก็ให้ปลาไปกินฟรี ขอทานมาไม่ให้ตังค์ ให้ปลา คนติดยาบ้ามา ก็ให้ปลากินอะ

มูลนิธิท่าอิฐมีงาน ผมเอาปลาไปช่วย มูลนิธิอะไรแถวนั้นผมช่วยหมด แล้วใช้วิธีการเดียวกันกับที่ใช้กับโบสถ์

ชื่อเสียงของปลาทู ผมโด่งดัง แม่ของ สส. สจ. แถวนั้น ดารา จินตหรา จารุณี ปูโลกเบี้ยว ฉัตรชัย อูยเยอะแยะไปหมด อ้อ ลืมบอกไปมีงานถ่ายหนังแถวนั้น พี่จิมกวาดเรียบ จัดหาปลาทูและ ผัก เนื้อ หมู ทุกอย่างไปส่งให้ อะ ขณะที่อยู่ที่นั้น ผมเดินร้านไหน อยากกินไก่ กินผัก พวกไม่ยอมคิดตังค์ ผมแกล้งทำปลาเหลือทุก 3 วัน แล้วหาเรื่องแจกปลา เป็นการส่งสัญญาณไปยังคู่แข่งว่า เราขายไม่หมดด้วย อิอิ ไม่ให้เค้าหมั่นไส้เรา ผมขายดีสะจน แบ็งค์ไทยพาณิชย์ตรงนั้นบอกว่าผมไม่ต้องไปแบ็งค์ เดวมารับเงินฝากที่แผงเลยทีเดียว ไม่ใช่เค้าปลื้มผมนะ เพราะผมเดินเข้าแบ็งค์ พวกหันมามองเป็นตาเดียวเลย อิอิ เหม็น อิบอ๋าย...

มีเหตุการณ์ ของหายในตลาด มีขโมย แหะ เพื่อนๆโวยวายใหญ่ แต่ของผมไม่หายแหะ

จากเหตุการณ์ขโมยของทำไมของผมไม่หาย สงสัยละซิ อิอิ มันจะกล้าขโมยของผมหรอ มันกินของผมทุกวัน ตรรกง่ายๆ อย่า..งก

ผมไม่เคยล็อคของ และพัดลม ที่แผงผม มีเสื่อและหมอนด้วย ผมบอกเด็กที่ติดยาว่า มานอนบนแผงกู เปิดพัดลมได้ ขโมยของกู โดนตบกบาลคว่ำ 555 โจร เสร็จ ผมอีก แหะะ

ตอนนี้ดิ ตำรวจ สายสืบมาแระ ผู้กอง ประวิตร สารวัตร แมนมาแระ คุณๆๆ ผมให้คุณเป็นสาย อ้าวเวงสิกู ให้กูเป็นเจ้าพ่อสะแว้ว ผมรีบตอบว่าไม่เอาหรอก เดวสร้างศัตรู เอางี้ดีก่า ผมรู้ผมบอก แต่ไม่บอกว่าใครโอเค มั้ย นอกนั้นไปสืบเอาเอง

เดวนอกเรื่องไกล กลับมาได้แร้วนายจิม อิอิ

ผมขายของไปเรื่อยๆ สมองเริ่มคิดแล้วว่า เราไม่ได้เกิดมาเป็นแม่ค้าตลาดนี่หว่า มัน Lost ทรัพยากรนี่หว่า เราต้องเขยิบชั้นละวุ้ยส์ ขยับเป็นไรดีหว่า นอนคิด 3 คืน

อะคิดได้แระ...เป็นคนนำเข้าปลาทูแช่แข็งดีกว่า ท่าทางเวิร์ค คิดแล้วทำเลย อิอิ ทำไง เดว ตามตอนต่อไปนะพี่น้อง พักนิ้วก่อง...

ขอเขียนต่อวันพรุ่งนี้ละกันครับ ต่อจากนี้ คอยตอบเพื่อนๆดีกว่า สื่อสารสองทางสนุกกว่าเยอะ

วิธีทำปลาทูนึ่ง เอาปลาสดแคะไส้ออก ล้างด้วยน้ำสะอาด แช่น้ำเกลือเอาไว้ สัก 3 นาทีครับ แล้วตั้งน้ำให้เดือด ใส่ปลาลงไปต้มเลย 3 นาที เสร็จแล้วเอามาทอด อร่อยนิ่ม ครับ หนังไม่ลอกด้วย

อ้อ ลืมไป น้ำที่ต้มใช้น้ำเกลือ 30% ของน้ำหนักปลานะครับ

ปลาทูเค็มหรอ มะยากส์ เอาปลาทูสดนั้นแหละแช่น้ำเกลือ ครานี้เกลือ 60% ของน้ำหนักปลาแช่ไว้ 1 ชม. เสร็จแล้วเอามาตากแดด สัก 2 แดด กำลังดี เอามาทอด อูยส์ ซี้ดเลย แซบ

ท่านที่จะนึ่งปลาทานเอง ดีที่สุดครับ เพราะเราล้างสะอาด โรงปลาทูนึ่ง เค้าไม่ยอมทิ้งน้ำที่ต้ม ขี้เหนียวนะ ขี้เหนียวเกลือ ฉะนั้นปลาเลยเค้มเค็มและคาว เค้าเอาน้ำที่ต้มไปทำน้ำปลาเทียม และเอาไส้ปลาที่ควักมาทำยำไตปลาขาย

เราต้มเองไม่ต้องซีเรียส เรื่องท้องปลาจะแตก หักหัวทิ้งเลยก็ได้ง่ายดี ต้มลงในน้ำเกลือเดือดจัด 3 นาทีพอ ย้ำ...แค่นั้นเพราะต้มนานกว่านี้เนื้อปลาแข็งครับ

โพสต์โดย: ลุงธรรม : สุดยอด สุดยอด ขยัน อดทน และมีปัญญาชาญฉลาด ไม่มีใครเกิน Jimbo

มาต่อกันนะ.....ผมก็ขายปลาทูตามสไตล์ของผม เพื่อนๆและญาติ มันบอกว่า มึงมันบ้า อิอิ เหมือนนักวิชาการด่า...ทักกี้เลย แต่ไม่เป็นไร ผลงานคือ เครื่องวัดความสำเร็จ ผมวิ่งเอาปลาสะหน้ามืดเลย อิอิ คิดดูเอ๋ออย่างแรง ขับรถกลับจากห้องเย็น ขับเลยตลาดปากเกร็ด มารู้สึกตัวอ้ายหยา...บางปะอินนู้นเลย อย่างงี้ไม่ได้การแระ เดวลงหลุมสะก่อนได้ใช้ตังค์ ผมพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง อิอิ ไม่มากหรอก แค่ล้านเดวเองหลังจากขายปลาทูที่ตลาดได้ 8 เดือน

อยากทราบไหมว่า…ผมขยับตนเองจากเจ็กโบ้ขายปลาทูนึ่ง เป็นผู้นำเข้าปลาทูแช่แข็งได้เช่นไร 555 เม้นท์หน่อยพี่น้องจะได้มีกำลังใจโพสต์ต่อนะ

เพื่อนๆ ช่วยเซฟด้วยนะครับ ผมเขียนสดๆ กลั่นมาจากความทรงจำ จะได้เป็นวิทยาทานต่อผู้อื่นนะ

ปลาทูนึ่ง...สูตรทำขาย ตอนที่ 4

ทักกี้ ดันตูด...เจ้กโบ้ ขายปลาทูนึ่ง (JIMBO) สู่ผู้นำเข้าปลาทูแช่แข็ง

มาต่อกันนะ.....ผมก็ขายปลาทูตามสไตล์ของผม เพื่อนๆและญาติ มันบอกว่า มึงมันบ้า อิอิ เหมือนนักวิชาการด่า...ทักกี้เลย แต่ไม่เป็นไร ผลงานคือ เครื่องวัดความสำเร็จ ผมวิ่งเอาปลาสะหน้ามืดเลย อิอิ คิดดูเอ๋ออย่างแรง ขับรถกลับจากห้องเย็น ขับเลยตลาดปากเกร็ด มารู้สึกตัวอ้ายหยา...บางปะอินนู้นเลย อย่างงี้ไม่ได้การแระ เดวลงหลุมสะก่อนได้ใช้ตังค์ ผมพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง อิอิ ไม่มากหรอก แค่ล้านเดวเองหลังจากขายปลาทูที่ตลาดได้ 8 เดือน

ตอนนี้ผมมาได้ห้องเย็นใกล้บ้านหน่อย อยู่ซอยนวดสีชมพู บ้านท่านชวลิต ปิ่นประภาคม แยกแคราย... คิดๆๆ เราต้องเป็นคนขายปลาทูแช่แข็งให้ได้ อันนี้ผมได้แรงบันดาลใจจากพ่อ พ่อของผมเป็นคนจีนงะ พ่อผมสอนว่า คนเราถ้าไม่มีฝัน ไม่มีความหวังคือคนที่ตายแล้ว

สานฝันต่อเลยนายจิม...

ตอนแรกเค้าไม่ขายปลาทูแช่แข็งหรอก เค้านึ่งขายเองที่ตลาดบางซ่อน ผมชอบสำรวจตามตลาดต่างๆนะ เลยทราบว่าเจ้านี้นึ่งเยอะ วันนึงนึ่งเป็นตัน ได้การละ อิอิ ผมชอบไปตอนดึก เพราะผมอยากทราบวงจร การค้าขาย ของเค้าเป็นเช่นไร

ทุก 5 ทุ่ม รถห้องเย็น 10 ล้อ จะเอาปลามาส่ง คันนึงก็แบกประมาณ 10 ตัน แต่แปลกแหะ รถดันทะเบียนสตูล แสดงว่าไม่ได้ซื้อปลาแม่กลอง หงิมๆๆ มาสังเกตข้างแพ็คปลาทู ปลาทูเค้าแช่แข็งแพ็คใส่กล่องกระดาษ ดูเรียบร้อยสะอาดตาดี มีตัวหนังสือเขียนว่า Kept below -18 แล้วเขียนว่า Keddah Malaysia

ได้การละผมรีบต่อจิ้กซอร์ทันที แสดงว่าปลานี้แพ็คที่มาเลย์ ผ่านแดนทางสตูลมา อะ ถ้านายจิมทำแบบเค้าก็ Simple สิ เสียแรงศิษย์ทักกี้หมด พ่อจิมสอนลูก ไม่ใช่พ่อรวยสอนลูก พ่อบอกว่าคนเราจะทำอะไรรู้ให้จริง แม้นขายเต้าฮวยก็รวยได้ อะได้ที แท้งกิ้วมากเตี๋ย จุฟฟ...

ไม่รอช้า ฝากแผงไว้กับเมีย ขับรถลงใต้ สำรวจก่อน ไล่จากเพชรบุรีไปเลย ค่ำไหนนอนนั่น ตอนนั้นเริ่มเดินทาง คืนเดือนหงายคืนแรกไปพักชุมพร แวะรายทางโชคร้ายงะนายจิมไม่เจอปลาทูสดแม้กระทั่งตัวเดียว แหะ กินแห้ว ได้รับคำตอบว่า ไม่มีหรอกช่วงนี้ ปลาต้องเดือนมืด ผมถามว่าทำไมละ เค้าบอกว่าเวลาจับปลาทู หลังปลาทูมันจะเรืองแสง ถ้าคืนเดือนหงาย แสงมันจะกลบไปหมด ไม่เป็นไรนะนายจิม ผมบ่นกับตนเอง ได้ข้อมูลก็ คือ ทรัพย์ทางปัญญา

ผมขับรถไปเรื่อยๆ คืนสองนอนที่ขนอม นครฯ ก็ได้คำตอบเช่นเดิม แต่ที่นี่คำตอบชัดเจนมาก ถึงมีปลา ซื้อปลาได้ แต่ต้องกองปลาไว้ที่นั่น อ้าว ซวยแระกู พวกจะยิงกบาลให้ มะเปงรายนะนายจิม รีบยกมือไหว้ แล้วออกมาอย่างเร็ว มันอะไรของมันหว่าเนี่ย...

คืน 3 ไปนอน สงขลา เก็บข้อมูล อะ ที่นี่มีห้องเย็นเยอะวุ้ยส์ ลองไปถามห้องเย็นดูดิ อัตราค่าแช่แข็งเท่าไหร่หว่า ได้คำตอบมาว่า 1 บาท/กิโล แล้วที่สงขลามีรถห้องเย็นด้วย ค่าขนส่งเข้า กทม. กิโลกรัมละ 1.10 บาท แหะ สรุปถ้าเราได้ปลาแถวนี้ เราจะมีต้นทุน คือค่าแบกปลาจากเรือมาที่ห้องเย็น ค่าฟรีซ แล้วค่าขนส่งเข้า กทม. อะได้การแระนายจิม

คืน 4 ไปนอนสะกอมนะ ที่มีปัญหาท่อแก๊สทุกวันนี้ ที่นี่นอนฟรี มีญาติอยู่ที่นั่น ตรงนั้นมีเรือประมงกอแระอยู่มากมาย ญาติกันเป็นเปาะสู คือคนใหญ่ในท้องที่นั้น เค้ามีอาชีพรับซื้อปลาจากประมง อ้อ ได้ทีแระ เรามีแนวร่วมแระ ถามเลยว่าปลาทูขนาด 11-12 ตัวโล รับซื้อกิโลละเท่าไหร่ ได้คำตอบว่าโลละ 7 บาท อ่อยไว้ก่อน เราไม่รู้ใครเป็นใคร แค่หลอกถาม อย่าผลีผลาม

แล้วถามต่อว่า ปลาส่วนใหญ่ที่จับได้ขนาดเท่าไหร่ เค้าบอกว่า ส่วนมาก 18-19 ตัวโล งั้นหมายความว่าอะไร เค้าเลยให้ความรู้ผมว่า ปลาทูมันออกไข่ที่แถวแม่กลองหรืออ่าวไทยตอนบน จะออกลูกมาราว 80 ตัวโล แล้วว่ายน้ำมา พระจันทร์เต็มดวง 3 ดวง จะขนาด 18-19 ตัว/โล ถึงปัตตานี อะได้การแระ เราได้เส้นทางการว่ายของปลาทู อย่างงี้นายจิม อยากได้ปลาไซส์ไหน ขับรถตามปลาทูเลย

คืนที่ 5 มานอนที่สตูล ผมขับรถไปยันตากใบ แล้วขับอ้อมมาฝั่งอันดามัน วันรุ่งขึ้นรีบเลย ออกหาข้อมูล ได้ความแระ ผมขับไปยันปากบารา ไปจะเอ๋กะรถห้องเย็นที่ขับปลามาส่งที่ กทม. เจ้าของแพปลาที่ส่งเข้า กทม. เป็นกำนันที่นั่น ผมรีบเข้าไปถามเลย ว่าเอาปลามาจากที่ไหน ผมเห็นข้างกล่องเขียน เคดดาร์งะ ผมเป็นลูกค้าประจำเค้า เค้าบอกว่าถามทำไม เสียงเขียวเชว นึกในใจ จะเอากระสุนยัดกบาลกูป่าวหว่า ผมบอกว่าเผอิญเห็นรถห้องเย็นของกำนัน เลยเข้ามาขอบคุณที่ทำให้ผมรวย เค้างง...อะ รวยอย่างไรไม่เข้าใจ ผมบอกว่าผมใช้ปลาของเค้ามาตลอด ลูกค้างี้ชมเป็นเสียงเดียวเลยว่าอร่อยมาก กำนันจากหน้าแดงกลายเป็นยิ้มแห้งๆ หน้าบานเท่ากระด้งมั้ง

ผมเลยบอกกำนันว่า ผมนะมาทั้งทีขอปลาติดมือกลับบ้าน เท่าที่รถผมจะแบกได้ กำนันเค้าโอเคเลยอะ ไม่มีปัญหา ผมบอกแกว่าอีกสองวันจะมาใหม่ ตอนนี้ขอไปเที่ยวก่อน แล้วจะโทรมาบอก ระหว่างที่ผมคุยกะแก ผมก็พยายามกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณ อะได้การ เจอเป้าหมายแระ คนขับรถจอดรถตรงหน้าห้องน้ำ แถมนอนเล่นในรถสะด้วย

ผมรีบลากลับ ก่อนลากลับ ผมบอกแกว่าขออนุญาตเข้าห้องน้ำแล้วไปเลยนะครับปวดท้องอย่างแรง แกโอเค แล้วไม่ได้สนใจผมอีก ได้การแระ ผมเดินไปที่รถทำท่าเปิดประตูแล้วหยิบทิชชู่ ติดมือมา พร้อมกระทิงแดง 2 ขวด เอากระทิงแดงไปไหน ไปทำอะไร หมดหน้ากระดาษ พอดี อิอิอิ

ต่อๆๆๆๆ...ผมเอากระทิงแดง 2 ขวดเดินไปหาคนขับรถห้องเย็นงะ บอกเค้าว่าขอบคุณนะพี่ ที่อุตส่าห์ขับรถตั้งไกลเพื่อเอาปลาคุณภาพดีไปให้ผมยัน กทม. ไม่มีไรจะตอบแทนน้ำใจพี่นอกจากกระทิงแดง 2 ขวด คนขับรถทำหน้างง เค้าไม่เข้าใจที่เราพูดหรือเนี่ย อะได้การถามเลย ปริกีมานอ แปลว่ามาจากไหน ครับ อ่อ ครานี้พยักหน้าแหะ ผมทักเป็นภาษามาเลย์ สงสัยละสิ ผมพูดยาวีได้ไง ผมเป็นคนใต้รึ ป่าวเลยไม่มีเชื้อ ตจว. แม้กระทั่งกระจึ๋งนึง กทม. ล้านปูเซนต์ อันนี้ไว้อธิบายตอน ปัญหาภาคใต้ อีกเรืองนึงไม่เกี่ยวกับปลาทู

ต่อครับ เค้าตอบเป็นภาษามาลายู ว่ามาจากมาเลย์ ผมโต้ตอบเค้าโดยใช้ภาษามาเลย์ ลืมบอกไปนายจิม พูดได้ 5 ภาษางะ

ได้การละ ผมถามต่อไปไม่หยุดนิ่ง ตาก็ดูด้วยว่ามีใครแอบมองป่าว พี่อยู่ที่ไหนนะ ของมาเลย์ เค้าตอบว่า อยู่ที่เคดดาร์นั่นแหละ ผมบอกว่าเที่ยวหน้าผมไปเที่ยว พี่พาผมไปเที่ยวด้วยนะ ว่าแล้วผมก็ขอเบอร์โทร พร้อมแลกเบอร์โทรกับเค้า เสร็จโก๋ไป 1โปรเซส จากนั้นรีบชะแวบไปเลย

ผมขับรถต่อมาที่ตรัง พอคนที่กันตังเห็นผมเบือนหน้าหนี อ้ายหยา เป็นไรของเค้าละเนี่ย ต้องมาสำรวจ ฟามหล่อของนายจิมสะหน่อย แล้วก็มองรอบตัว มองไปที่รถ อ้ายหยา ฉิกหาย แล้วกู ผมลืมแคะสติกเกอร์ พ่อแม่จูงลูกออก พี่น้องคงงง ละสิมันเกี่ยวไรกัน

สติคเกอร์อันนั้นเป็นโลโก้ของพรรคประชากรไทย ของท่านสมัคร อ้ายหยา คู่ปรับนายหัวชวนนะเนี่ย ถิ่นเค้าสะด้วย เกือบซวยไหมละกู ไม่รอบคอบเอาเลย เสร็จสับรีบแกะออกทันใด แล้วขับรถมาที่บ้านบากัน กระบี่ ตรงแยก สุดสายขนอมกระบี่ ตรงนั้นแระ เมื่อก่อนยังไม่เป็นแยก

ที่นั่นมีหมู่บ้านชาวประมงขนาดใหญ่ ผมเลี้ยวขวับเข้าไปทันใด ไปคุยๆหาข้อมูล ปลาที่นี่สวยดีแหะ ตามเป้าหมายเลย แต่เนื่องจากเดือนสว่างอยู่ปลามันน้อย ก็คุยเรื่องราคา ถามเค้าใช้หลัก 5 W 1H

ขับรถออกมาไม่ถึงปากทางดี เสียงดังปัง...ปัง...อ้ายหยายางกูแตกป่าวเนี่ย จอดรถลงดู เวง สิ มีมอร์ไซค์ ขี่ตามตูดมาถือ 11 มม. สะด้วย แหลงใต้ ทองแดง เชว ซื้อปลาหดาย แต่เอาปายม่ายหดาย อย่ามาให้เห็นหน้าอีกละ

เย็นไว้ นายจิม พ่อสอนว่าอาวุธที่ดีที่สุด คือปากเราและนิ้วมือ อ้ายหยาสูตรไหนละเนี่ย...

ยกมือไหว้ทันใด อะอย่าพึ่งนายจิม คนแถวนั้นเค้าอิสลามเหมือนนายจิมนี่หว่า สลามเลย ได้การแหะ แล้วผมกล่าวคำว่า มาอัฟ แปลว่าขออภัยและยกโทษให้ฉันด้วย เค้ามีทีท่าอ่อนลง ปืนในมือไม่ได้ชูแบบเมื่อกี้อีกแระ ได้การเลยนายจิมใช้สูตรทักกี้อีกแระ ทำยูเนี่ยนสินายจิม ในสมองสั่งงานเป็นออโตเมติค

พี่ครับ พี่รับซื้อปลาแถวนี้หรือครับ เค้าตอบว่าใช่ พี่รับปลาแล้วพี่ไปส่งที่ไหน เค้าตาเขียวขึ้นมาอีก แหะปากพาจนนะกู จะรู้ไปทำไม? นั้นคือคำตอบ พี่ ผมขอมาอัฟ อีกครั้งนะ ปากผมมันเป็นสะอย่างนี้แหละ คิดไรพูดไร ไม่เสแสร้งนะพี่ ผมเป็นคนตรงเหมือนคนใต้ ครับ ขอมาอัฟจริงๆ ได้ทีแหะ เออ ที่หลังอย่าถามแบบนี้อีก แล้วเค้าก็บอกว่า เค้าเป็นคนรับซื้อ ถ้าผมไปซื้อเท่ากับไปตัดราคาเค้า ทำให้คนเรือรู้ว่าที่มาที่ไปราคาเท่าไหร่

ผมเลยบอกเค้าว่า ดีใจจังที่เป็นประสงค์ของอัลเลาะห์ ให้ผมมาได้เจอพี่ เอางี้ พี่ไปส่งที่ไหน ผมไม่อยากทราบแระ เอาเป็นว่าพี่ไม่ต้องขับรถไกลให้เมื่อย ผมมารับผ่านมือพี่อีกที ผมให้พี่เพิ่มอีกโลละ 1 บาท โอเคมั้ย

อะได้การแหะ เค้าเริ่มติ้กต้อกในสมอง ตกลงน้อง น้องจะเอาปลาวันนี้เลยมั้ย ผมตอบว่ายังครับพี่ ผมแค่มาหาข้อมูลก่อนจะได้ไปคำนวณต้นทุน กำไรนะพี่ ก่อนลากลับไม่ลืมขอเบอร์โทรเอาไว้ 5555 นักเลงเสร็จโก๋นายจิมอีก ขอบคุณปะป๋ากะทักกี้ แหะ

จากนั้นผมออกจากบ้านบากัน มาแวะที่อ่าวลึก เพื่อนเก่าสมัยเรียนเซนต์จอห์น ผมเรียนรุ่น 1 อีเลคโทรนิคส์นะ ผมมาเล่าให้เพื่อนฟัง แล้วบอกปัญหาให้ทราบว่า เรามีปลาแล้ว ทำไงจะขนส่งได้ซื้ื้อได้ ให้ผมมาวิ่งทุกเที่ยวไม่ไหวแน่ๆ ลงหลุมก่อนแหงแซะ ไอ้เพื่อนผมมันทำสวนยางนะ มีเวลาว่างเยอะ ผมก็เลยบอกว่าแก ช่วยเป็น Station ให้หน่อยนะ แล้วฉันสอนวิธีนึ่งปลาให้แก จะได้เป็นอาชีพเสริม แล้วมีรายได้จากการรับซื้อปลาด้วย ส่วนที่แช่ปลาไม่ต้องห่วงเดี๋ยวลงทุนให้ ผมเช่าตู้คอนเทนเนอร์ขนาดเล็ก ไว้เป็นตู้ Kept อุณหภูมิ แล้วสั่งทำตู้เย็นพิเศษให้ 2 ตู้ เพื่อฟรีซปลา ผมใช้หลักการเดียวกับ การย่อส่วนโรงงานปลาทูุมาไว้กลางตลาดนะ แช่ได้ที 200 โล ผมทำ 2 ตู้ ฟรีซปลาเสร็จ ย้ายมาเข้าตู้ kept

วางแผนเรียบร้อย อิอิ เพื่อนเราเสร็จโก๋ไปอีกราย วันรุ่งขึ้นขับรถกลับสตูล ไปเอาปลาที่สั่งไว้กับกำนัน เอากลับ กทม. ได้ปลามา 800 โล น้านคือจุดเริ่มต้นของการค้าปลาฟรีซ ท่อนหน้าเดวมาคุยว่าผมจะเอาปลาฟรีซ มาขายใครทีละ 1 คัน 10 ล้อ แล้วได้กำไรเท่าไหร่ต่อเที่ยว

ปลาทูนึ่ง...สูตรทำขาย ตอนที่ 5

ทักซิโนมิคส์ทำให้...อาแปะ JIMBO...ได้ขายปลาทูแช่แข็งแล้วเด้อ

ต้องขอประทานโทษเป็นอย่างสูง พี่น้องอาจสงสัย ไอ้จิม มันบ้าหรอ ตั้งกระทู้มีแต่ทักกี้ ผมต้องการเชิดชูคนเก่ง ในครบรอบวันเกิด ทักกี้ นายกขวัญใจ คนจนนะครับ

ขับรถกลับจากปากบารา จังหวัดสตูล แบกปลาแช่แข็งมา 800 โล จิบๆสำหรับนายจิม เอาไว้จำหน่ายเอง 2 วันก็หมดแระ ข้อสำคัญเก็บไว้เป็นตัวอย่างสินค้า แหะๆใช้วิชามาร เปลี่ยนกล่องก่อน เพราะเราไปลักไก่มาได้เพราะกล่อง แมวสอนเสือปีนต้นไม้ฉันท์ใดย่อมไม่สอนเสือโดดลงอย่างแน่นอน ผมเก็บไว้ 4 กล่อง ไปเดินย่องๆ หน้าตลาดมหาชัยที่มีรถมาลงปลาเยอะแยะ น้านแหละ อั้นแน่เจอแล้ว เค้าตั้งโต๊ะอะไรหว่ามีลังปลากองเป็นภูเขา อิอิ ได้การละนายจิม เข้าไปสอบถาม พี่ทำไมเอาปลามากองริมถนนงี้แหละ ได้คำตอบมาว่า อ๋อ น้อง...พวกล่องปลาเค้ามาฝากขายนะ ได้ทีเสียบเลยนายจิม แล้วพี่ได้อะไรละ เค้ามาฝากขายพี่คงไม่บริการฟรีแน่แน่ อ๋อ ......เจ้าของปลาเค้าให้ค่าขาย 25% จากราคาของนะ

ได้ทีแหะนายจิม มิรอช้ายิงคำถามต่อเลย พี่ครับแล้วคนมาขายต้องเสียอะไรบ้างอีกละ ไม่ต้องเสียแล้วละ ก่อนเอาปลามาลง โทรมาบอกก่อน จะได้เตรียมที่เตรียมทางไว้ให้ ผมถามต่อเลย แล้วผมจะต้องรอเฝ้าป่าวละ ตามสะดวกเลยน้อง จะนอนรอกับรถ หรือไปเปิดโรงแรมตามสะดวก พี่ครับขอบคุณมาก ผมมีปลาทูแช่แข็งมาให้ดูก่อน ถ้าผมเอามาลงผมจะโทรบอกพี่ล่วงหน้าวันนึงนะครับ ตกลงเสร็จโก๋ ยังไม่จบ เราต้องรีเช็คก่อนว่า แผงนี้เวลาการระบายของใช้ความรวดเร็วปานใด

สูตรนายจิมอีกนั่นแหละ เรื่องไรถามเจ้าของแผงให้โง่ ไปเตร่แถวนั้น ดูซิว่ามีกี่เจ้า เค้ามีวงจรการทำงานกันอย่างไร อะนะ ได้ความแระ มีรถเทอร์โมคิงส์(รถห้องเย็น)คันนึงวิ่งเข้ามาพอดี รถหักหัวเลี้ยวคว้าบ เพื่อรถถอยหลังเสียงสัญญาณดังปี้บๆๆๆๆ พวกแม่ค้าปลาทูนึ่งวิ่งตามรถอย่างกะเราวิ่งตามรถเมล์แถวอนุสาวรีย์ชัย อิอิ ได้การ จดจำหน้าเอาไว้นายจิม รถไม่ทันจอดสนิทดี มีหลงจู๋คนนึงออกมา กำๆแบๆ มือ มันทำไรของมันหว่าเนี่ยะ อ๋อ ไอ ซี มันเขียนราคาบนฝ่ามือ ให้พวกแม่ค้าดู

พวกแม่ค้าก็กำๆแบๆ เหมือนกัน อะ ราคามันบิดดิ้งกันนี่หว่า ประมูลนะพี่น้อง ได้ทีแระ ประตูรถห้องเย็นไม่ทันเปิด อ้าว ปลาขายหมดแระ แม่ค้าบางคนก็หน้าเหี่่ยวไม่ได้ปลา เพราะต้องซื้อราคาปลาสูงขึ้น ต้องไปซื้อต่อจากแม่ค้า กำๆๆแบๆๆ นั้นแหละ

เจอแว้ว ช่องว่างที่นายจิมหารับประทาน ผมรีบเดินไปหาแม่ค้าหน้าเหี่ยว เดินไปหาทีละคนเงียบๆ อย่าให้เป็นเป้าสายตา เข้าไปคุยกับเค้า แย่เนอะพี่ ผมก็ซื้อปลาไม่ได้เหมือนกัน นี่สงสัยต้องซื้อต่อเค้าราคาสูงๆ แบบนี้แถมค่าน้ำมันรถวิ่งมาตั้งไกล พูดไปมือผมก็ล้วงสารก่อมะเร็งไป แถมหยิบยื่นให้อีกแนะ แม่ค้าตอบ ใช่น้องพี่เองก็นึ่งไม่มากวันละ 100 โล เอง มาเจออย่างงี้เซ็งเลย น่าพี่นะทำใจเราเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างงี้แหละ ว่าแล้วควักกระทิงออกมาอีกแนะ พูดไปแสดงความเห็นใจไป

เอางี้ไหมพี่ ผมมีพรรคพวกกันมันทำแพปลาแถวใต้ เรามารวมตังค์กันซื้อปลา รวมๆให้ได้สักเที่ยว แล้วตีรถเข้า กทม. มาจอดตรงไหนสักที่ไม่ต้องให้มันมาลึกยันมหาชัย ค่าปลาค่ารถค่าแช่แข็งเท่าไหร่ตามบิล แล้วเรามาแบ่งปลากัน ผมคิดว่ามันน่าจะถูกกว่าที่นี่เยอะ แถมพี่ไม่ต้องขับรถมาสะไกล ผมคิดว่าทุนน่าจะอยู่ที่สัก15 บาท ตอนนั้นราคาท้ายรถ 27 บาท

แม่ค้าคนนั้นบอกว่าน่าสนใจแหะ แต่น้องละจะได้อะไร พวกพี่คอยแต่รับปลา อ๋อ พี่ผมไม่โลภหรอกเราคนทำมาหากิน ผมขอค่าเหนื่อย พอค่าขนมลูกก็พอขอโลละ 3 บาทพอ ไมเอาน้อยจังละ แหมพี่ผมหาเช้ากินค่ำ พี่ก็เหมือนกัน จะขูดเลือดกะปูเชวหรอ แม่ค้าบอกว่า ส่วนมากเค้าผ่านมือกันนะ 5-7 บาท แต่ 7 บาทนะส่วนมาก นี่น้องต้องเหนื่อยงะ เอาว่ามาใหม่เอาเท่าไหร่ดี

แหะๆๆไม่รีบหุบเหยื่อหรอกนายจิมเดวปากเจ็บ เอางี้แล้วแต่พี่ครับ ทิ้งไพ่ตูมเลย แม่ค้าบอกว่าถ้าเที่ยวไหนปลามีกำไรมาก น้องเอาไป 7 บาท ถ้ากำไรน้อย 5 บาท โอเคมั้ย จะดีหรอพี่มันมากไป เออน่าพูดมากเดวลดเหลือ 2 บาทสะนี่ ผมรีบขอบคุณและไม่ลืมให้เค้าดู ปลาตัวอย่าง แม่ค้า...ปลาสวยดีนี่ แล้วเอามาได้ไง อ๋อ พี่ผมไปเที่ยวมาขากลับเลยแวบมานะ พี่มีของติดมือมาเท่านี้แระ 4 กล่อง ให้เค้าดู แนะกะล่อนสะไม่มีนายจิม

ผมรีบขอเบอร์โทรเค้า แล้วให้เบอร์โทรกลับ แต่ก่อนกลับผมทำท่ายักแย่ยักยัน จะกลับไม่กลับ แม่ค้าเลยถามว่ามีอะไรอีกหรอ ผมเลยบอกพี่เค้าไปว่า พี่ ของพี่ใช้แค่ร้อยโลต่อวันเอง มันจะคุ้มไหมเนี่ยะ ผมมาคิดดู พี่ให้ผมน้อยหน่อยก็ได้ พี่เอาไป 1 บาทนะพี่นะ พี่คิดว่าจะให้ ผมเท่าไหร่ เอา 1 บาทลบ เป็นค่าคอมมิชชั่นนะ ที่เหลือผมอุบไต๋ไม่บอกคนอื่น ผมบอกพี่คนเดว พี่ไปทำราคาเท่าไหร่ตามสะดวกเลยครับ แต่อย่าให้เกินหน้าราคา ท้ายรถละ รู้แล้วน่า แม่ค้าตอบ เดวพี่ปรึกษากับแฟนและพรรคพวกดูก่อน เออเดี๋ยวๆ แล้วพี่จะจ่ายเงินอย่างไรละ พี่จ่ายเธอไป บ้ายบาย ละพี่ซวยเลย

เอางี้พี่ มัดจำพอติดปลายนวมพอ โละละ 5-7 บาท ไม่เป็นไรหรอกครับอย่างไรพี่ก็ต้องใช้ปลาอยู่ดี ใช่ไหม เออ จริงวะ เอางี้เดี๋ยว กลับไปบ่ายๆพี่โทรบอก 555 เสร็จนายจิมไปอีกราย

รายต่อไป อิอิ จะใครสะที่ไหนละ ก็ห้องเย็นที่ปิ่นประภาคม แครายนั่นแหละ อะอะ อย่าพึ่งเข้าใจผิดว่าผมจะไปขายให้นะ มันง่ายไปสำหรับนายจิมศิษย์ ทักกี้ แหะๆๆเมื่อยนิ้วจัง ให้อีหนูนวดนิ้วก่อน คร้าบ

โพสต์โดย: แดงแท้เรียกผมว่าแดงเทียม : นิ้วที่เท่าไหร่ ที่ให้นวดอ่ะครับ(ฮา)

เดว ปั้ดเหนี่ยวเลยเพื่อน

ผมไปด้อมๆมองๆ หน้าห้องเย็นปิ่นประภาคม ป้าด...มีคนมารับปลาทูแยะแหะ ตั้งแต่ รถซาเล้ง จนรถปิคอัพ ได้การละ จ้องรถปิคอัพก่อนเลยนายจิม เข้าไปตีซี้ พี่มารับปลาทูเยอะๆงี้ ขายดีซิพี่ ผมขายนิดหน่อยเอง พี่เก่งจังแหะ พ่อค้าปลาทูคนนั้นยิ้มแก้มบานเชว

ท่าทางพี่เอาไปส่งอีกทีดิ ป่าวน้องพี่ขายเอง พี่แบ่งๆกันในหมู่พี่น้องเอาไปขายหน้าตลาดนนท์ กะตลาดพงษ์เพชรนะ ตลาดนนท์พี่วางสามแผง ตลาดพงศ์เพชรวาง 2 แผง ได้ทีแหะ พ่อค้าคนนี้ชอบลูกยอวุ้ยส์ ถามนิดเดวหลุดมาเป็นโขยง พี่มารับอย่างงี้กำไรไม่เท่าไรนะพี่นะ ช่ายน้อง แต่พี่ก็ต้องมีเทคนิคงะ แต่ไม่บอกนะ

แน้ๆๆๆ มีไม่บอกอีก นึกหรือว่านายจิมจะไม่รู้ ปล่อยโง่มาบานเลย เทคนิคคือ ปลา 3 ตัว/เข่ง การสลับไซส์ปลานะครับ ปลาตัวกลางจะอ้วน ปลาตัวข้างจะย่อมลงมา มันทำให้ รู้สึกว่าปลาอ้วน ผมรีบยิงคำถามต่อเลยทำไมพี่ไม่นึ่งเองละ ผมคิดว่ากำไรดีนะพี่ ใช่น้องพี่ก็ว่างั้นแหละ...ได้การแหะ ปลากินเหยื่อละ

แต่พี่นึ่งไม่เป็นนะ พยายามขอสูตรที่นี่เค้าไม่ให้ ไม่รู้จะทำอย่างไร พี่ครับผมก็อยากได้สูตรที่นี่เหมือนกัน แต่เค้าไม่ให้นะ...แหะๆๆกลายเป็นพวกเดียวกันแระ ผมเลยไปหาสูตรมาจากแถวแม่กลอง แต่ผมไม่มั่นใจ ขนาดผมทอดไข่เจียวยังไหม้เลยพี่ แต่ผมดูท่าทางพี่จะทำกับข้าวอร่อยนะ พี่ลองเอาสูตรที่ผมได้มาไปทำไหมละครับ ถ้าทำได้ เราสองคนคงมีกำไรเพิ่มขึ้นมาอีก นะพี่นะ เออจริงวะ...แล้วสูตรที่ได้มามีไรบ้างละ ผมก็กางสูตร ฉบับย่อ 5555 เรื่องไรกูสอนมึงโดด…

เออมีสูตร ไม่มีปลาสดทำไงดีละ พี่ครับ ผมมี ผมไปมหาชัยมา เลยติดมือมา 4 กล่อง แพงอิอ่ายไม่ไหว บ่นไปปาดเหงื่อไปนะนายจิม พ่อค้าคนนั้นตาลุก วาว ไหนๆๆดูปลาดิ หน้าตาเป็นอย่างไร ผมพามาที่รถ แกะปลาให้ดู เฮ้ย สวย ละ อะนะ เริ่มกลืนเหยื่อละสิ 5555 เอางี้พี่ ช่วงสายๆ พี่พอมีเวลาว่างไหม ทิ้งปลานานไม่ได้ เดวน้ำแข็งละลาย เรามานึ่งกัน พ่อค้าทำท่า ติ้กต้อก ๆๆๆๆ ได้ๆๆน้องสัก 10 โมงเช้านะมาหาพี่ที่แผงพงษ์เพชร แต่อุปกรณ์ละ เอาที่ไหน พี่ไม่ต้องห่วง ผมไปดูมาแระ เอาถัง 200 ลิตร ผ่าครึ่งใบนะพี่ เอาไว้ต้มน้ำเกลือ แล้วเราไปซื้อเตี๋ยวนึ่งปลาที่สนามบินน้ำกัน (เตี๋ยวนึ่งปลาทำมาจากหวาย ครับพี่น้อง) แล้วมานึ่งที่บ้านพี่นะ บ้านผม คับแคบ

ถึงเวลานัด ผมไปตามนัดซื้ออุปกรณ์เสร็จสรรพ เริ่มนึ่งปลาผมทำโง่ๆๆเซ่อๆๆ จับนู้นจับนี่ ทำเป็นออกคอมเม้นท์โง่ๆบ้าง จำไว้พี่น้องเราต้องเปิดหน้าให้เค้าชกก่อน ผลสรุปตอนท้าย ปลาออกมาสวย เพราะความโง่ๆเซ่อๆของผม

เออเก่งนี่หว่า...พ่อค้าคนนั้นบอก แหมพี่ได้พี่นั้นแหละความคิดใหญ่ มาก่อน ผมนะตามน้ำ มันฟลุคนะพี่ พ่อค้าหน้าบานเท่ากระด้งแหะ ผมนึ่งปลากะพี่เค้า 2 แพค แบ่งกันคนละแพค

มาเข้าเป้าหมายเดิม เราต้องการขายปลาแช่แข็ง แม่นบ่ พี่น้อง ผมเริ่มแผนการ สะตอเบอรรี่ ชีสเค้ก ทันที

เออน้อง แล้วเราจะหาปลาสดที่ไหนกันละ? อ๋อพี่ เผอิญผมเสริฟๆๆๆ มาว่า ปลาสดที่มหาชัยมันมี แต่กว่าจะซื้อได้ผ่านด่าน 18 อรหันต์มนุษย์ทองคำเชว ราคาก็ตามแต่ที่เค้าส่งซิกกันนะพี่ แต่ปลาที่ผมได้มานี้ ผมเจอพี่เค้าคนหนึ่งเค้าล่องปลาเองเค้าล่องไม่มาก แต่ปลาเค้าสวยราคาไม่แพงเหมือนท้ายรถนะ

งั้นดีเลยไอ้น้อง ไปถามเค้าดูนะ ว่าพี่ซื้อวันละตัน เค้าให้ราคาพี่อย่างไร แหะๆๆ ผมนึกในใจโง่ หมูเข้าปากหมาแล้ว ผมรีบตอบรับคำทันที พี่เดวผมโทรบอกพี่ตอนค่ำนะ ได้เลยน้อง

ถามพี่น้อง ว่าทำไม ผมต้องรอตอนค่ำ ติ้กต้อก...ติ้กต้อก...

ข้อความที่เขียน ช่วยเซฟหน่อยนะ พรุ่งนี้ใครก็ได้ ช่วยนำไปโพสต์ที สาวๆรอบเช้าจะได้อ่านกัน พรุ่งนี้พี่จิม ไม่อยู่ ไปกะกิ้ก

ซอรี่ พี่น้อง ต้องพาพันละเมียไปหาหมอด่วนเลย เดวดึกๆย่องมาใหม่จร้า...

มาแว้ว...ผมกำลังคิดว่าผมจะเขียนต่อดีไหม เพราะต่อแต่นี้คือกลยุทธ์ในการก้าวไปสู่ภาคธุรกิจ และความล้มเหลว กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆอยากฟังหรือป่าว

ลืมบอกไปทุกวันนี้ผมคือที่ปรึกษาการลงทุนให้ต่างชาติ และทำอินเตอร์เทรด ถ้ามีใครอยากฟังต่อผมจะเขียนไปเรื่อยๆครับ ถ้าไม่มีคนอยากอ่านผมจะได้จบไว้แค่ การนำเข้าปลาทู

มะนาวแดง Akira เพื่อนๆทุกท่าน พี่จิมขอบคุณมาก เพื่อเป็นวิทยาทานต่อคนทั่วไปจะได้มีกำลังใจต่อสู้ ตอนถัดๆไปจะมีตอนล้มเหลวของพี่จิมแล้วฟื้นมาใหม่อีกเหมือนแมว 9 ชีวิต ถ้าใครอยากฟังยกมือขึ้นครับ

โพสต์โดย: sri123 : เขียนต่อไปเถอะคุณลุง คนอ่านเงียบๆมีเยอะ คนโพสต์อาจมีไม่กี่ % ของคนตามอ่านด้วยซ้ำ การให้ความรู้ และการให้โอกาส เป็นการให้ที่ดีที่สุดค่ะ ขออนุโมทนา และขอขอบคุณตรงนี้อีกครั้ง

วิชั่นในการประกอบธุรกิจของผมเหมือน ก้อป มาจาก ทักกี้ แต่ที่จริงผมไม่ได้ก้อป มันบังเอิญ อาจจะเป็นเพราะว่าผมเกิดลักขณาเดียวกันกับท่านทักกี้กระมัง ผมคิดนอกกรอบมาตั้งแต่เรียนหนังสือ ทำอะไรมีเป้าหมายตลอดทั้งชีวิต

ผมกะว่าถ้ามีคนอยากฟังผมจะเขียนไปเรื่อยๆจนมาถึง ณ ปัจจุบัน ซึ่งผมประกอบธุรกิจ รับจ้างประกอบของให้ออสเตรเลียส่งขายเยอรมัน มูลค่างาน 300 กว่าล้าน ตามด้วยฐานเจาะน้ำมัน จากนั้นจะวนมาถึง ก่อนเป็นปลาทูนึ่ง ผมทำอะไรมาบ้างทำธุรกิจอะไร ทำอย่างไร ผมเป็น ผจก. และเจ้าของกิจการตนเอง ไม่ใช้ทุนพ่อแม่ตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่กำลังใจ และเพื่อนๆทุกท่าน ที่อยากฟังหรือไม่

โพสต์โดย: MirrorMask : บ้านเมืองกำลังเจริญ มันมาล้มเศรษฐกิจเราบ่อยๆ ชีวิตนึงเจอปฏิวัติซักสองหน ถึงไม่จนก้อหมดตัวแล้วครับพี่ ครั้งหลังนี่อายุมากพอดี ไม่มีแรงไปต่อสู้นับหนึ่งใหม่กะเค้าแล้ว เวรกรรมประเทศไทย

MirrorMask อย่าท้อถอยครับ คนเราต้องมีไฟในตัวจนวันตายครับ อะไรก็แก้ไขได้ทั้งนั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันครับ ผมนะล้ม 6 ครั้งแล้วเฉยๆ

ครั้งแรก เพราะความเยาวัยเขี้ยวสั้น อายุ 23 เองเป็นเจ้าของกิจการ
ครั้ง 2 ปว. พ.ค. ทมิฬ
ครั้ง 3 ปี 40
ครั้ง 4 ปี 43 ต้นปี ปัญหาครอบครัว ล้มเพราะตนเอง
ครั้งที่ 5 ปว. 19ก.ย.49
ครั้งที่ 6 ยึดทำเนียบและปิดสนามบิน

ผมบอกคนทุกคนที่ข้ามผมว่าผมต่อให้ไปก่อน ขอเวลา 6 เดือนเดี๋ยวจะกลับมาหัวเราะให้ดังกว่า ครับ

ผมมีประโยคนึงที่จะแบ่งปันเพื่อนๆครับ

*** ความทุกข์เป็นเช่นใด หันหน้าเข้าหามัน แล้วหัวเราะใส่หน้ามันดังๆๆ พร้อมกับบอกมันว่า ไอ้หน้าทุกข์แกไม่มีวันชนะฉันได้หรอก จำไว้ ฉันให้เวลาแกแค่อึดใจเดว ไอ้หน้าทุกข์ ***

โพสต์โดย: บุรุษเบาปัญญา : ผมเข้าไปอ่านกระทู้ของน้าจิมบ่อยๆ ได้ความรู้ อรรถรสดีมาก ดูจากประวัติศาสตร์การต่อสู้แล้ว น้าจิมอยู่เป็นประเภท "รวยไม่ทน จนไม่นาน" อิอิ...

ท่านบุรุษเจ้าปัญญา ถูกต้องแล้วคร้าบ เพราะอะไรทราบหรือไม่ครับเพราะอะไร เพราะผมละเมิดกฎข้อนึงของนักลงทุนและนักธุรกิจ คือ ห้ามมีคุณธรรม และมนุษยธรรม สำหรับนักธุรกิจ ผมดันใจอ่อนขี้เห็นใจไงครับ แต่มันก็ได้อย่างอื่นมาทดแทนคือผมจะไม่ล้มแบบเจ็บเข้ากระดูก แล้วผมจะมีเพื่อนที่คอยช่วยตลอดเวลาไม่ซ้ำเติมไงครับ

สิ่งเหล่านี้ที่ทำให้ผมไม่กลัวการล้ม ผมยอมให้ตนเองเจ็บดีกว่าคนรอบข้างเจ็บ เพราะผมรู้ตัวดีว่าสรรพสิ่งในโลกนี้ย่อมเอื้อให้ซึ่งกันและกัน ความดีเท่านั้นที่อยู่คู่ฟ้า ผมยอมจนและเป็นคนจนผู้ยิ่งใหญ่ ยอมตายแบบราชสีห์ดีกว่าอยู่อย่างหมาขี้เรื้อนครับ

โพสต์โดย: sri123 : ชีวิตคนเราอยู่ได้ด้วยความหวัง และพลังที่ขับเคลื่อนก็คือกำลังใจ ถ้าเราใจกว้างกับอนาคต เราย่อมต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด ศาสนาสอนไว้แบบนั้น คุณลุงคะคนไทยถูกแผนการสร้างภาพครอบมานาน อย่างสุภาษิตไงคะ "สิบพ่อค้าไม่เท่าหนึ่งพระยาเลี้ยง" "รับราชการเพื่อเป็นเจ้าคนนายคน" ทั้งที่เงินเดือนก็มาจากภาษี ปชช. ความเชื่อผิดๆ ที่ปลูกฝังกันมา มันไม่ได้ปลูกฝังให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ต้องขยัน และพึ่งตัวเอง ตอบคำถามอะไรไม่ได้ ก็มีสุภาษิต "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" วิถีชีวิตคนไทย ถึงได้ไม่ค่อยไปไหน เพราะค่านิยมพวกนั้นนั่นละค่ะ

โพสต์โดย: ลุงธรรม : คนจีนอาศัยความขยัน ทำงานหนัก ไม่นอนตื่นสาย ไม่อายทำกิน ไม่หมิ่นเงินน้อย ไม่คอยวาสนา ไม่พึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่โทษโชคชะตา ไม่รอให้ฟ้าลิขิต ไม่รอให้ใครมากำหนดชีวิต ไม่คิดให้ใครมาดลบันดาล ไม่โทษชาติกำเนิด ไม่เชื่อเรื่องกรรมปางก่อน กรรมปัจจุบันเท่านั้นที่ส่งผล ความขยัน ซื่อสัตย์ อดทน คิดดี ทำดี พูดดี ละชั่ว ทำดี ทำใจให้สงบระงับกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ที่เป็นต้นเหตุของทุกข์ เกิดสมาธิ เกิดสติ เกิดปัญญา เกิดหนทางแก้ไขปัญหา ดับทุกข์ ฯลฯ ไม่ช้าไม่นานคนจีนเหล่านั้นก็ยกฐานะจากการเป็นลูกจ้าง มาเป็นเจ้าของร้านค้า เจ้าของโรงเลื่อย โรงสี เจ้าของธุรกิจทุกชนิด

สรุป ในปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทย อยู่ในมือของคนเจ๊กคนจีนเกือบทั้งหมด คนไทยตัวดำๆ ชอบรับราชการ เป็นเกษตรกร กรรมกร รับจ้าง ลูกจ้าง ชอบงานง่าย งานสบาย ฝากกินดอกฯ ไม่ต้องเหนื่อยยาก ไม่ต้องนอนดึกตื่นแต่มืดไปซื้อของมาขาย ไม่ต้องตากแดด ไม่ต้องตากฝน

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่มีเจตนาแบ่งแยกเชื้อชาติ หรือทำให้เกิดความแตกแยกใดๆทั้งสิ้น แต่ต้องการเน้นย้ำถึงการใช้เงินทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการลงทุนทำธุรกิจทำ การผลิต ทำการขาย เพื่อประโยชน์ของสมาชิกทุกท่านในที่นี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องทำการบ้าน หรือต้องศึกษาความเป็นไปได้อย่างละเอียด มีปัญหาใดๆ โปรดปรึกษาท่าน Jimbo หรือคุณอะจึ๋ยๆๆๆ

คุณลุงธรรมคร้าบ ผมนะเกลียดการพนันเข้ากระดูก แต่ผมก็สนับสนุนนะที่จะมีหวย บ่อน ซ่องที่ถูกกฎหมาย สังคมไทยเป็นสังคมเกลียดปลาไหลกินน้ำแกง นะลุง เราต้องแก้ที่วิถีคิดของคนไทย ให้อยู่บนโลกของความเป็นจริง สังคมมันเลวร้าย เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้โดยที่เราไม่เสียจุดยืน อันนี้สำคัญที่สุดครับ

การออมเงินเป็นสิ่งที่ดี แต่ออมมากเกินไป แบบไม่กระเด็นเลย ก็เป็นผลร้ายต่อระบบเศรษฐศาสตร์ เงินไม่มูฟวิ่ง คนที่ออมเงินมากๆๆโดยหวังแต่ดอกเบี้ยอย่างเดียวไม่คิดลงทุนเพื่อเพิ่มงานให้สังคม อีกหน่อยสมองจะเป็นอัมพาต เพราะไม่รู้จักใช้สมอง หรือถ้าพูดง่ายๆให้เข้าใจง่าย คือ คนขี้เกียจ และเอาเปรียบสังคม อย่างที่สุด

ปลาทู หรือสินค้าอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่สามารถทำจากต้นน้ำได้ เราจะมีกำไร 15-30% เท่านั้นครับ หักค่าใช้จ่ายค่าดำเนินงาน 35% จากยอดกำไร ทั้งนี้จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้อย่างไร ต้องมีเป้าหมายครับ เพราะค่าใช้จ่ายประจำ Fix cost มันจำกัดอยู่ ต้องดิ้นและขยันเท่านั้นครับ ขยัน 100% ไม่พอ ก็ต้องเพิ่มไป 2-300% เกิดเป็นคนต้องดิ้น ดิ้นให้อยู่รอด ต้องมีเป้าหมาย ข้อสำคัญห้ามตัด รีเลย์ชั่นเด็ดขาด ครับ

มาต่อๆๆๆๆๆๆๆ

ปลาทูนึ่ง...สูตรทำขาย ตอนที่ 6

ทักกี้สอนนาย JIMBO ว่าเงื่อนไขเวลาคือจุดไคลแม็กซ์...ของการต่อรอง

ทิ้งไว้ข้อให้คิด...จากคราก่อนว่าทำไมผมต้องนัดพ่อค้าปลาทูนึ่งที่ตลาดพงษ์เพชร ไว้ตอนเย็นให้เค้าโทรหา นี่แหละคือการใช้เงื่อนเวลาในการต่อรอง ถ้าสังเกตให้ดี นายจิมชอบเล่นกับเวลา

เพื่อนๆจะจำแม่ค้าปลาทูนึ่งที่ผมไปคุยที่มหาชัยเมื่อเข้าได้ไหม? ที่นัดเค้าให้โทรหาผมตอนบ่ายเรื่องคำตอบว่าจะทำยูเนี่ยน และสร้างโครงข่ายปลาทูแช่งแข็ง น้านแหละ...ผมนัดเค้าตอนบ่ายให้คำตอบ พี่น้องอาจ...งองู 2 ตัว แล้วมันเกี่ยวไรกันฟะ? ลีลามากนายจิม เดวเบิร์ดกะโหลกแตกสะนี่ เฉลยได้แระ

ผมต้องการคำตอบเซย์เยสของแม่ค้ามหาชัยเรื่องการที่ให้เค้าเป็น หัวจ่ายเนทเวิร์ค และแล้วแม่ค้าคนนั้นก็โทรมาหาผมในราวบ่าย 3 กว่าๆ เค้าบอกว่าตกลงน้องแต่พี่รวบรวมพรรคพวกได้แค่ 10 กว่ารายเอง เป็นน้ำหนักปลาประมาณ 2-3 ตันเอง แล้วมันจะคุ้มไหมเนี่ย? พี่แกถาม ผมตอบว่าพี่คร้าบ การเริ่มต้นไม่ใช่โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป พี่ไม่ต้องวอร์รี่ เรายังมีเวลานะพี่ เดี๋ยวผมจะช่วยพี่หาอีกทางนะครับ แต่ผมก็ไม่ลืมนะที่จะบอกพ่อค้าปลาทูนึ่งคนนั้นว่า พี่ครับผมขออะไรพี่อย่าง ดั้งไหมครับ? อะไรหรอน้อง ? ผมได้รับคำตอบเชิงคำถามกลับ

เข้าทีละนายจิม อิอิ... ปฏิบัติการเชิงจิตวิทยาเริ่มแระ ลำพังผมเอาสมองมาวิ่งหาปลาทูแช่แข็งก็มึนตรึบแระ ถ้ามายุ่งในการหาลูกค้าสมองผมมันคงช็อตกระจายแน่ๆ

อ้าวแล้วมันอย่างไงหว่า แล้วเรื่องการเอาปลาทูแช่แข็งมาขายจะสำเร็จหรือไอ้น้อง ไม่ใช่อย่างงั้นครับพี่เดี๋ยวๆใจเย็นๆ ผมหมายความว่า ผมอยากให้พี่เป็นเจ้าภาพดูแลเรื่องจำหน่ายต่อจากผมนะ ส่วนผมฝ่ายสนับสนุนในงานขายต่อจากมือพี่นะ พูดง่ายๆผมให้พี่เป็นยี่ปั้วต่อจากผมไง ส่วนลูกค้าผมก็ช่วยพี่หา แต่อย่าคาดหวังกับผมนะ แต่ผมบอกพี่อย่างนึง ผมจะพยายามและลองดูจนถึงที่สุด เดี๋ยวจะลองขับรถวิ่งถามหาพรรคพวกดูนะพี่นะ เดี๋ยวช่วงดึก ผมจะโทรฯบอกพี่นะครับ พ่อค้าคนนั้นตอบว่า อือๆๆ เอาตามนั้นละน้องได้ความไงรีบส่งข่าวเร็วๆละ พี่เบื่อกะการวิ่งไล่ตูดรถห้องเย็นนะ 55555 เข้าล็อค Demand ปั่นสำเร็จ เข้าล็อคนายจิม

พอช่วงค่ำผมไม่รอช้ารีบโทรหาพี่ที่เค้าขายปลาทูตลาดพงษ์เพชร นัดไว้ให้คำตอบตอนค่ำ น้านแหละ กริ้งๆๆๆๆๆ 5 โหล พี่ครับ แม่ค้าคนนั้นเค้าบอกว่ามะมีปังหา แต่มันมีปังหานะพี่ อย่างไงละ? งง อีก คืออย่างนี้ครับพี่ แม่ค้าเค้าบอกเรื่องปันปลาให้พี่นะโอเคเลย แต่ปัญหาคือเค้าแบกมาครั้ง 1 ตัน ถ้าพี่เอาอีกวันละตันจะเอารถที่ไหนมาแบกให้ เค้าเลยต้องเปลี่ยนเป็น 6 ล้อเล็กนะพี่ ค่าขนส่งมันจะเพิ่มขึ้นนะครับพี่

แล้วมันเท่าไหร่ละนั้นคือคำตอบ อ๋อ พี่เค้าบอกว่าต้องขอค่าขนส่งเพิ่มอีกโลละ 1 บาทนะครับ โอยนึกว่าสัก 10 บาท ที่แท้บาทเดียว ไม่มีปัญหา น้อง เอาไปเลย แต่ว่าจะให้พี่ไปเอาปลาที่ไหนละ อ๋อพี่เค้าบอกว่าต้องไปเอาที่มหาชัยนะ แต่พี่ไม่ต้องกังวลนะ เพราะผมเอาปลาแค่ 200 กว่าโลเองครับ เดวผมแบกเกินน้ำหนักนิดหน่อย (รถปิคอัพคันนึงแบก 1 ตัน) ไม่เป็นไรถือว่าผมเอามาฝากพี่ละกัน ไม่ต้องคิดมาก พี่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเอาเองนะ

พ่อค้าคนนั้นทำท่าเห็นคล้อยตามพยักหน้าหงึกๆๆ แล้วเค้าก็ตอบว่า เอางี้ พี่ให้น้องค่าแบกน้ำหนักเพราะรถต้องกินน้ำมันมากและมีค่าสึกหรอเพิ่มขึ้น พี่ให้ค่าปลาเพิ่มอีกโละ 50 สตางค์ โห พี่คิดมากนะ เราก็คนหาเช้ากินวันรุ่งขึ้นเหมือนกันนะพี่นะ เออน่าเอาไปเหอะ พ่อค้าคนนั้นตอบ ถ้าพี่ให้อย่างงั้นมันต้องเป็นความรับผิดชอบต่อผมนะพี่ แต่เอาเหอะ ไม่เป็นไร ขอบคุณครับพี่ เอิ้กๆๆเสร็จโก๋ ไปอีกราย

วางหูเสร็จรอเวลาพี่น้อง...รอให้ถึง 5 ทุ่มแล้วโทรหาพ่อค้าปลามหาชัยหัวหน้าเนทเวิร์คผม ตามที่ผมอุปโหลก ขึ้นมา อิอิ...

พี่ครับได้การแระ ผมได้มาอีกตันนึงนะพี่ โชคดีจังนะพี่นะ เค้าให้เราได้ราคาตามแต่พี่ว่ามา แต่ให้ราคาไม่เกินหลังตู้รถห้องเย็นนะพี่ จำได้ไหมพี่น้องราคามันดิพกันอยู่ 7 บาทต่อกิโล ถ้ารวมผ่านยี่ปั้วมันจะดิพกันอยู่ประมาณ 12 บาท ดีมากน้องขอบคุณมาก

เดวพี่ผมมีเรื่องนึงอยากปรึกษาพี่ แต่ถ้าผมวิ่งดูแลลูกค้าผมคงไม่มีเวลามาขายปลาทูของผม อันนี้แหละคือปัญหานะพี่ ทำไงดีละ?

อ๋ออันนั้นไม่ต้องห่วงน้อง พี่ก็บอกกับขาของพี่ไปแล้วเหมือนกันว่า ใครหาซาปั้วมาได้ พี่ให้เค้าบาทนึง พี่ก็จำวิธีที่น้องบอกพี่ไง บอกอะไรหรือครับ? ผมจำไม่ได้ อ้าวทำเป็นลืม ก็น้องบอกว่าขอค่าวิ่ง 3 บาทต่อปลา 1 โล ไง แล้วพี่บอกน้องว่าพี่ให้ 5-7 บาท ทำเป็นลืม อ๋อ พี่ พูดไรอย่างนั้นผมนะไม่ได้คิดยาวไปถึงขนาดไหนแค่ผมคิดว่าเรามาแบ่งปลากันซื้อกันขายนะพี่นะ

น้องเอาไปอีกบาทนึงนะ จะได้มีกำลังใจวิ่ง ผมคิดในใจแหะๆๆ สำคัญตนคิดว่าตนเป็นลูกพี่เราแระ แต่ไม่เป็นไร ใหญ่เล็กไม่ใช่เรื่องสำคัญข้อสำคัญให้งานเราบรรลุเป้าหมายพอ

เฮ้อเหนื่อยพี่น้อง ตอนแรกเราทำเป็นใจดีลดราคาให้เค้า 1 บาท ต่อกิโล ตอนนี้ นายจิมเอาคืนได้ 6 สลึง อิอิ ได้เพิ่มมาไงหว่า อีก 50 สตางค์ สรุปผมได้ยอดปลามาทั้งหมดวันละ 5 ตันรวมของผมที่ใช้เองด้วย บรรลุเป้าหมายแระ ครานี้มาดูสิว่านายจิมจะทำอย่างไร เพราะรถห้องเย็นมันแบกครั้งละ 10 ตัน นายจิมจะทำอย่างไรที่จะให้ปลาเต็มมาทุกเที่ยว ตอนต่อไปนะครับพี่น้องเมื่อยนิ้วมือจัง...ให้กิ้กนวดนิ้วให้ก่อน คร้าบบบบ

รบกวนเพื่อนๆที่รวมลิ้งค์งานเขียนของผม ช่วยทำลิ้งค์แบ่งปันกันหน่อยครับ พี่มะนาวแดงได้รวมไว้แต่ผมจำไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหนนะครับ

นวดให้แระ...เขียนต่อ

จะยากส์อะไรใช่ไหม 2 วันเที่ยวไง เราหาที่ Kept เอาไว้ วิธีทำไม่ยากส์ ง่ายๆ อย่าลงทุนมากมายก่อนความชัวร์ พ่อจิมสอนไว้

พี่น้องเคยเห็นสมัยก่อนที่เค้าเก็บน้ำแข็งกั้กไหม น้านแหละ ผมไปซื้อกองแกลบมา 200 บาทกองเท่าภูเขาเลย เอากระสอบข้าวมาสัก 20 ลูกมาเย็บต่อกัน เอามาห่อกล่องปลาแช่แข็งสะ โรยเกลือนิดนึง แล้วหมกในกองแกลบ แค่นี้ปลาก็ยังรักษาสภาพความเย็นไว้ไม่คืนตัว อิอิ...คนอื่นลงทุนห้องเย็น นายจิมใช้ความรู้เรื่องฟิสิกส์สมัยเรียนช่างกลงะ

โพสต์โดย: Maeding : สวัสดีค่ะคุณจิมฯ...ดิฉันไม่เคยเป็นแม่ค้าพออ่านกระทู้คุณจิมฯก็อยากเป็น แต่ไม่มีความสามารถก็คงต้องอ่านและให้กำลังใจคุณจิมฯไปเรื่อยๆ แสวงหาความรู้ไปก่อน ขอบคุณประสบการณ์ชีวิตของคุณจิมฯที่สอนอะไรได้เยอะเชียว...ขอฟังด้วยคนนะคะ...

Maeding ครับการเป็นแม่ค้า หรือเถ้าแก่เองไม่ยากส์ครับ ใจ ครับ ต้องกล้าที่จะก้าวก่อน 1 ก้าวแรกคือสิ่งที่คิดว่ายากส์ แต่ก้าวแล้วมันไม่ยากส์เลยครับ พยายามนิดนึงครับ แล้วก้าว 2-10 เดินได้สบาย ข้อสำคัญ สูตรคูณ แม่ 2-12 ต้องแม่นครับ สิ่งที่มนุษย์เรากลัวที่สุด คือใจตนเองครับ เอาชนะมันได้ทุกอย่างในโลกไม่ใช่ยากเย็นอะไรที่เราจะชนะมันครับ

พอแก้ปัญหาปลาไม่เต็มรถได้แล้ว นายจิม มาคิดว่าทำอย่างไรเราจะออกาไนซ์ทั้งระบบได้ ติ้กต้อก...ติ้กต้อก... ปิ้งๆแบบอิกคิวซัง ได้การแระ คืนที่เราต้องการบรรลุเป้าหมายมาแระ คืนนั้นผมไปดักที่หน้าโรงปลาทูนึ่งที่แคราย ดักอะไรหรอ ดักรถส่งปลาไง เรามีเพื่อนแล้วนี่ เป็นคนขับรถห้องเย็นไง คืนนั้นผมแบกกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็ก ใส่เสื้อผ้าไป 2-3 ชุดพอ เพื่อไม่ให้เป็นภาระมาก กุงเกงลิงหรอ กลับแทร้ค เอาพี่น้อง ไม่ลืมเอาพาสปอร์ตไปด้วยนายจิม

รออยู่ 2 ชม. น้าน...รถห้องเย็นมาแระ คันเดิมสะด้วย รอคอยครับ การทำธุรกิจ คือการรอคอยเวลา เหมือนเรานั่งตกปลาริมตลิ่ง รถห้องเย็นลงของเสร็จ ผมเดินไปหาเลยพร้อมแบรนด์ 1 ขวดพร้อมกระทิงแดง 2 ขวด ดองกระทิงให้เสร็จสรรพ

อะอะ สงสัยละสิ ดองกระทิงคืออะไร คือการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องดื่มชูกำลัง โดยใช้ยาทัมใจผสม 1 ซอง/กระทิงขวดนึง อย่าเลียนแบบนะครับไม่ดีต่อสุขภาพ ผู้ปกครองควรชี้แนะ

พี่ครับ สลามมุอาลัยกุม จำผมได้ไหม เค้าพยักหน้า จำได้ซิ วันนั้นที่คุยกันที่ปากบารา สตูล บ้านกำนันไง มีไรหรอ อ๋อ...พี่ผมอยากไปเที่ยว มาเลย์นะ ผมขอติดรถไปด้วยคนได้ไหมครับ ผมเอาพาสปอร์ตมาด้วย จะดีหรือน้อง...แหมพี่ก็ ผมขี้เกียจนั่งรถทัวร์นะ ดูดบุหรี่ไม่ได้ อีกอย่างผมไม่เคยนั่งรถส่งของคงสนุกดีนะพี่ อะได้ๆๆแต่พี่ขอหลับสักงีบก่อนนะ แถวมหาชัยนะ สัก 2-3 ชม รอได้ป่าว

ผมดีใจอย่างแรง รีบตอบเลยว่า ได้ครับพี่ เดวผมเลี้ยงข้าวเช้าพี่เองครับ

ตกลงวันนั้นผมได้ติดรถห้องเย็นยันมาเลย์ พักรถที่ทุ่งสงอีกคืนนึงครับ วันที่สองของการเดินทางทัวร์นกขมิ้นของผม ผ่านด่านที่ ด่านนอก อ้อมเข้ามาที่เคดด้าร์ สนุกมากครับ มาถึงห้องเย็นฝั่งมาเลย์แระ บอกพี่คนรถว่า ตารีมอกาเซะครับ แปลว่า แองกิ้ว ไงพี่น้อง ผมบอกว่าเดวผมหาโรงแรมแถวนี้พักเองไม่ต้องห่วงครับ

ก่อนลงจากรถหน้าห้องเย็น ผมแอบชำเลืองและสังเกตรอบๆห้องเย็น หาทางหนีทีไล่ก่อน พร้อมจดจำหมายเลขโทรศัพท์ห้องเย็นฝั่งมาเลย์ วันนั้นผมใจเย็นยังไม่อยากเข้าห้องเย็นแห่งนั้นขอสำรวจเมืองก่อน ว่าแล้วเช็คอินเข้าโรงแรมแถวนั้น คืนนึงแค่ 87 ริงกิตงะ ประมาณ 870 บาท

อาบน้ำอาบท่าเสร็จ นอนสักงีบ 2 ชม. ตื่นมาบ่ายแกหน่อย เช่ารถตระเวน อะมีหลายห้องวุ้ยส์ จด แล้วก็ จด นักธุรกิจที่ดีห้ามขี้เกียจงานจดนะครับ ได้มา สามโรงนะ ได้การเลย พรุ่งนี้เราลุย เสร็จแล้วกลับโรงแรม ไม่ลืมแวะซื้อซิมการ์ดของ Maxxis เครือข่ายของมาเลย์นะครับ

ถึงโรมแรมตอนห้าโมงเย็น รีบโทรหาเลย ทำไมต้องโทรตอน 5 โมงแหะๆๆ นี่ละคือคำถาม ผมชอบถามตนเอง และตอบเอง เหมือนคนบ้านะครับ

ข้อคิดของนักธุรกิจ อยากเดินเกมส์ธุรกิจ ต้องหัดสลับร่างเล่นครับ เอาตัวเค้ามาใส่ตัวเราแทนตนเองในหลายๆบท

5 โมงเย็นคือเวลาใกล้เลิกงาน ผมต้องการสร้าง Interesting point และไม่ต้องให้เค้าคิดมากอะไร ในการตอบรับให้ผมเยี่ยมชมโรงงานหรือห้องเย็น ผมรีบโทรไป ขอเวลานัดหมายในการเยี่ยมชม ในวันรุ่งขึ้น ผมบอกเค้าว่าผมเป็นบริษัทฯ ผู้ประกอบการอาหารทะเล ต้องการเข้าเยี่ยมชมนะ ลืมบอกไป ผมจดทะเบียนบริษัท Cover ไว้นานแระตั้งแต่ปี 2534

ผมไม่ลืม นำ BCL เอาไปด้วย BCL คือ Bank credit of letter ใบบอกสถานะการเงินของผมนะ เพื่อให้เค้ามั่นใจได้ว่า เราไม่ใช่มาหลอกถามหรือเจรจาเล่นๆ

การค้าขายเมืองนอก จำไว้เลยนะครับ BCL นั้นสำคัญมาก คู่สัญญาเรานะ เค้าจะสนใจอย่างมากถ้าเรามีเงินและต้องการซื้อของจริงๆๆ เยี่ยมชมห้องเย็นแรกก่อนที่คนรถพาไป เก็บข้อมูล ได้ความว่าเค้าส่งผมในราคากิโลละ 0.50 ริงกิต คุณภาพปลาโอเค ค่าขนส่งมะเกี่ยว ค่าพิธีกรรมศุลกากรไม่เกี่ยว

ผ่านมาห้องเย็นที่สอง อะได้ที ปิ้วๆๆเลย ผู้จัดการ แซ่โค้ว หนอย...ดันเรียนหนังสือโรงเรียนเดียวกันกะผมสะด้วย เพื่อนๆคงสงสัยมันเรียนโรงเรียนเดวกันได้ไง อิอิ เจ้า โค้ว มันเรียน อัสสัม ปีนังครับ ผมอัสสัมธนบุรี อะ เลือดอัสสัมมันแรงงะ

มันบอกผมว่า เอางี้ขนส่งเสร็จยัน กทม. ค่าด่านมันเคลียร์เอง ทุกอย่างเอาโลละ 1.2 ริงกิต ราคาสวยแหะ แต่ยัง ยังไม่ตอบรับนายจิม ใจเย็นๆวุ้ยส์ บอกมันตามตรงว่าสนใจ ของแกวะ โกะ ผมเรียกมันว่าโกะ แต่ฉันนัดกะอีกโรงไว้ แกต้องเข้าใจฉันนะ นัดไว้แล้วต้องไป เอาไม่เอาอีกเรื่องนึง

เอ็งรอข้าฯ แปปนะโว้ย ไปเดินเล่นที่โรงนั้นสะหน่อย ว่าแล้วก็ขอบ้ายบาย สำหรับวันนั้น ผมไปโรงงานถัดไป เจอหน้า ผจก. มันก็ไม่อยากเข้าแระ หน้าไม่รับแขกสะเลย ก็ไปคุยเป็นพิธีตอบเหมือนโรงแรก

การทำธุรกิจเมืองนอก ตัดงานออกได้ตัดสะ...อย่างก นายจิม เราไม่ใช่ผู้ชำนาญด้านกฎหมายบ้านเค้า อันไหนตัดความรับผิดชอบได้ตัดเลย

กลับถึงโรงแรม ขาดไม่ได้ อิอิ ไอ้โกะมันพาผมไปแรดกลางคืนที่มาเลย์ แต่ขอบอกเที่ยวบ้านเราสนุกกว่าไหนๆๆ คืนนั้นและวันรุ่งขึ้นผมก็เจราจากะไอ้โกะมัน วางเงินมัดจำไว้นิดหน่อย 5,000 ริงกิต เองติดปลายนวม เดววันส่งปลานัดหมายอีกทีวุ้ยส์ โกะ ขอเบอรฺ์โทร เบอร์แฟกซ์ อีแมว ด้วย มันมาส่งผมให้ที่หาดใหญ่ ต่อแต่นี้คงไม่ต้องบอกนะว่าผมนอนที่หาดใหญ่ กับเจ้าโกะ คลายเครียดก่อนกลับ กทม. ทำไร 55555

มาแว้ววว...ผมกลับถึง กทม. อีกวันนึง มาถึงก็มิรอช้าดำเนินแผนการเลย อย่างแรกกริ้งๆๆๆ บอกพรรคพวกที่เราคุยกันไว้เรื่องทำยูเนี่ยนปลาทู แล้วจัดแจงติดต่อญาติๆกันแถวบางบัวทองเค้ามีที่ดินเยอะนะ ไปได้บ้านหลังนึงเล็กๆ ที่ดินสักร้อยกว่าวา พอแระสำหรับเบสเม้นท์โรงเก็บปลาแช่งแข็ง ว่าแล้วจัดแจงเคลียร์พื้นที่สำหรับลงปลา ให้รถห้องเย็นจอด มีที่เก็บปลาสูตรนายจิม ไม่ต้องใหญ่โตเพราะเราไม่ได้ Kept สต็อคไว้บานตะเกียง

ใช้เวลาจัดแจงสถานที่อาทิตย์นึง แฮกๆๆๆๆ เหนื่อยเจงๆๆ พักก่อนวันนึงวุ้ยส์ นายจิมเดวหัวใจวายสะก่อน ก่อนเสร็จเรื่องสองวัน ผมโทรไปบอกเจ้าโกะว่า ส่งมาเล้ยปลานะพวก พอก่อนวันนัดหมายผมเก็บเงินค่าปลาที่มัดจำมาได้ 30,000 จากค่าปลา 5 ตัน อิอิ ได้เกินทุนค่าปลาจริงแระ มัดจำของลูกค้าคือค่าปลาจริง อย่างมากเราเจ็บตัวแค่ค่าขนส่ง กะค่าพิธีกรรมศุลกากร

ถึงวันนัดหมาย เพื่อนๆมารอกันตั้งแต่ 5 ทุ่ม และแล้วเที่ยงคืนเศษ รถห้องเย็นมาแว้ว หมุบหมับไปมา แปปเดวเอง ครึ่ง ชม. ลงปลาเสร็จ ผมรีบเอาตังค์ให้พี่เค้าก่อนที่เค้าจะจ่ายค่าปลาให้ผม ค่าปลาอีกสองตัน เค้าทำหน้า งง แหะ ค่าอะไรน้อง อ๋อ พี่คนที่เค้าซื้อปลาผ่านผมนะพี่ ผมเอาให้พี่เป็นเงิน 52,000 บาท ผมบอกพี่เค้าว่าผมขายให้เค้าได้โลละ 26 บาท ถูกกว่าท้ายตู้ 1 บาทนะ

ที่ผมทำอย่างนี้คือเท่ากับผมบีบให้เค้าจ่ายค่าปลาทั้งหมดให้ผม ผมจะได้มีความแน่ใจในการสั่งล็อตใหม่ ถ้ารอพรุ่งนี้ คือทำงานแบบดับเบิ้ลเวิร์ค ซึ่งไม่ใช่นิสัยนายจิมอย่างแน่นอน

เค้าถามว่าน้องหักของน้องออกยังละ ผมบอกว่ายังครับ เค้าหักคืนให้ผม เค้าให้ผมโละละ 5 บาท+1 บาท ค่าคอมเป็นโลละ 6 บาท จำนวน 2,000 โล คือ 12,000 บาทแหะ

จากนั้นเค้าจ่ายค่าปลาให้ผมเป็นจำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 โล อิอิ จริงๆเค้าต้องแบ่งจ่ายสองวัน ใช่ไหม เพราะเค้าใช้ปลาวันละ 4 ตัน เข้าทางนายจิม แหะ

8,000 โล โลละ 15 บาท+ค่าเหนื่อยผมโลละ 5 บาท เท่ากะ 20 บาทต่อกิโล เป็นเงิน 160,000 บาทนะ ผมไม่ลืมคืนค่ามัดจำ 30,000 ด้วยนะ เท่ากับผมรับมา 130,000 บาท

พอเค้าลากลับผมรีบเอาปลา 1 ตัน วิ่งไปหาพี่ที่พงษ์เพชร เอาไปให้ เค้าให้ผมมา ค่าปลาโลละ 26+อีก 50 ตังค์ อิอิ...ค่าเหนื่อย ได้ตังค์จากเจ้านี้มา 26,500 บาท งานนี้ได้ค่าเหนื่อยพิเศษค่ารถมาส่งพี่เค้า 500 เอง อิอิ เพื่อนไม่สงสัยว่าไมน้อยจัง แหะๆๆมันมีซ่อนนะ

ซ่อนตรงไหน ก็ตรงนี้ไงครับ ผมรับปลามา 12 ริงกิต ถึงกทม. เป็นเงินไทย โลละ 12 บาท แต่ผมขายโลละ 20 บาท+1 บาทให้พี่ยี่ปั้ว เท่ากับโละ 21 บาท แล้วผมมาได้กะพี่เค้าอีกโลละ 50 ตังค์ เท่ากับผมได้คอมมิชชั่นจากเจ้านี้ 6.5 บาทต่อกิโล ได้ทั้งขึ้นล่อง

แค่นี้ยังไม่พอ เย็นไว้ก่อน พี่น้อง ค่าปลาทั้งหมด 10 ตันหมื่นโล ทุนผม 120,000 ผมรับค่าปลาของพี่ยี่ปั้วมา 160,000+ค่าปลาที่ผมขายให้พี่ที่พงษ์เพชรอีก 2 ตัน ราคา 21 บาท เป็นเงิน 42,000+1,000 ค่ารถที่เอาไปส่งอีกโลละ 50 ตังค์ อิอิ เท่ากับ 43,000 เท่ากับผมรับตังค์มาทั้งหมด 2 แสนเศษหน่อยนึง

สรุป ลงทุน 120,000 ขายได้ 200,000 ว่างั้นกำไรเที่ยวละ 80,000 บาท อิอิ…ยังไม่จบ แล้วผมเอาปลาที่ไหนนึ่งละ ปลาผมเองไม่มีแหะ ขายหมด ก็ ไปยากส์อะไร ผมซื้อคืนพี่เค้าไง ผมซื้อคืนโลละ 26 บาทไง อิอิ ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ผมใช้นิดเดวเองวันละ 400 โล ได้ทั้งบุณคุณ เงินลงทุนพวกก็ลงให้ ไม่ต้องใช้เงินตนเองสักบาทเดว

คิดตามทันไหมพี่น้อง อิอิ

ทำงานสองวันได้ 8 หมื่น อิอิ รายได้ดีไม่หยอก อิอิ ยังไม่จบ จำตอนที่ผมไปติดต่อที่บากันแล้วถูกไล่ยิงตูด ได้ป่าว...

หลังจาก ผมทำงี้ได้สักสามสี่เที่ยว เพื่อความไม่ประมาท ผมเกลี่ยความเสี่ยงด้วยตัวผมเอง เริ่มติดต่อกะเจ้านักเลงหัวไม้ที่ไล่ยิงผมงะ ให้เพื่อนผมคอนเคชั่นให้ แต่ปลาทางนี้แพงกว่า คิดโลละ 7 บาท บวกค่าดำเนินการแล้ว ก็โลละ 17-18 บาท อันนี้ไม่ค่อยหน้าสนใจเท่าไหร่ เป็นงานอดิเรกนะให้เพื่อนจัดการให้นะ อันนี้ซื้อมาขายไปธรรมดา เอาไว้ถ่วงดุลเฉยๆๆ

สรุปแล้ว งานนี้นายจิมก็สานฝันตนเองเสร็จเรียบร้อย ได้เป็นผู้นำเข้าสมใจแล้ว จบแล้วพี่น้อง ตอนหน้ามาดูสิว่า นายจิมคว่ำกะเท่เร่อีท่าไหน คนเก่งไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า และเก่งได้ตลอด มีวันพลาดเสมออย่าทะนงตนเอง อย่างนายจิมนะครับ บ้ายบาย จุฟฟฟฟฟ

ข้อที่หนึ่ง ผมรับเงินมัดจำ มาจากลูกค้า

ข้อที่สอง ผมใช้ BCL การันตี ค่าปลาที่ทางมาเลย์ไงครับ

ข้อที่สาม ขายรับสดมาทั้งหมด โอนเงินคืนมาเลย์

หมายเหตุ: ผมเล่นกับเวลาและเครดิตตนเองไงครับ ผมดึงเวลาการจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้กับห้องเย็นมาเลย์ออกไป คือ ส่งปลาวันไหนวันรุ่งขึ้นจ่ายของเก่าที่เหลือ พร้อมมัดจำของใหม่ โดยใช้เงินลูกค้าที่มัดจำอีกนั่นแหละ เหมือนทักกี้ ซื้อแมนซิไงครับ

เพื่อนๆสงสัยประการใดถามมาได้เลยครับ เดวเที่ยงไม่ว่างแระ จะต้องทำใบควอเตชั่นส่งเยอรมันนะครับ

มาแว้ว ก้าบ ขอบคุณ ท่านมะนาวแดง และเพื่อนที่ตามติด ตลอดมาครับ ตอนต่อไปเป็นช่วงที่พลิกผัน อย่างแรงถึงขนาดเกือบเอาชีวิตไม่รอดครอบครัวพังทลายไปหมด แล้วผมก็ฟื้นคืนชีพใหม่ด้วยเงินไม่กี่บาทครับ คอยติดตาม ถ้าเขียนทันวันนี้จะลงตอนบ่ายแก่ๆครับ ถ้าไม่ทันคงต้องพรุ่งนี้เช้านะครับ

ปลาทูนึ่ง...สูตรทำขาย ตอนที่ 7

อวสาน ชีวิตปลาทู จากนาย JIMBO สู่คนขับรถ TAXI (ตอนที่1)

ผมก็แฮปปี้ดีและสานฝันผมเป็นที่เรียบร้อย อยากเป็นพ่อค้าปลาแช่แข็งและผู้นำเข้าปลาทูก็ได้เป็นแล้ว รายได้ดีสะอีก 2 วัน 8 หมื่นบาท

ผมขายปลาทูนึ่งที่แผง วันละ 200 กว่าโล ขายที่ตลาดนัด อีก 200 กว่าโล กำไรหรอ อิอิ วันนึงเกือบ 2 หมื่นบาท หักค่าใช้จ่ายแล้ว รวมกับที่ขายปลาแช่แข็ง เฉลี่ยวันละ 40,000 บาท รวมๆรายได้ผมวันละประมาณ 6 หมื่นบาท เดือนละเท่าไหร่พี่น้อง คิดไม่ออกนะ อิอิ เมียขายปลาที่แผง ผมวิ่งปลาแช่แข็ง ทำอย่างงี้ประมาณ 18 เดือน งานเข้าเลยพี่น้อง งานเข้าอย่างแรงเลยละ

ลีลาอีกแระนายจิม เดวป้าด...ตบกบาลแยก ด้วยความที่ผมไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน ขับรถขึ้นล่องบ้าง ไล่ตามปลาตามจังหวัดต่างๆบ้าง บางครั้งขับรถลงใต้โดนตำรวจซิว โดนบ่อยสะด้วยบริจาคเบี้ยบ้ายรายทางประจำ ติดต่องานทางใต้บางครั้งก็คุยกันรู้เรื่อง คุยกันไม่รู้เรื่องก็บ่อยไป ทำไงดีละนายจิม ติ้กต้อก...เพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้ และแล้ว ปิ้งปั้งขึ้นมา

พี่น้องใต้ คนใต้ นิยมพรรค ปชป. อ้าได้ทีเลย เหลืองเนียน ปฏิบัติการทันใด ผมไปหาลุงผม ขอบอกก่อนลุงผมเป็นถึงผู้อำนวยการเลือกตั้งจังหวัดนนท์เชว ของพรรค ปชป. ตำแหน่งที่ปรึกษานายกชวนนะครับ

ลุงครับ...ลุง เออว่ามา มีไรละ ลุงผมขอสติคเกอร์ติดรถของพรรค ปชป. หน่อยซิครับ เอาหลายๆอันนะครับ อันใหญ่ๆเท่าหม้อแกงเลยยิ่งดี ลุงผมถามว่า วันนี้เอ็งเป็นไรไปวะ จะเปลี่ยนสัญชาติหรอ ทุกทีข้าฯเห็นบ้านเอ็ง...บ้าพรรคประชากรไทยเข้ากระดูก เกลียดพรรค ปชป. เข้าไส้ แหมลุงก็ ของมันเปลี่ยนกันได้ คิดไรมากละ แล้วจะให้ไหมละ ลุงผมเริ่มรู้ทัน...เอ็งจะไปไหน จะไปใต้ละซิ เห็นได้ข่าวค้าปลาทางใต้ไม่ใช่หรือ

แหะๆๆๆๆ ผมหัวเราะแห้งๆ พร้อมเอามือลูบกบาล นึกในใจรู้ทันกูอีกแหะ ถ้าเอ็งจะเอาครบสูตรนู้นเลย ไปหาน้าชัยฯเอ็งนั้นไป เค้าได้เมียภูเก็ต ไปปรึกษาเค้านั้นไป เมียเค้าเพื่อนเลิฟกับอัญชลี วานิชเทพบุตร ว่าแล้วลุงผมก็ให้ สติกเกอร์พรรค ปชป. อันเท่าหม้อแกงมา 4 แผ่นนะ ผมมิรอช้ารีบติดต่อน้าชาย เล่าปัญหาให้ฟัง ขอออกตัวนิดนึง ทั้งลุงและน้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่ผม ไม่ใช่คลานตามกันมา น้าบอกว่าเอาอย่างงี้ซิ เพื่อไม่ให้ถูกตำรวจกวน ค้าขายคล่องในภาคใต้ เอาสติคเกอร์นี่ไปยาวหัวรถท้ายรถเลย แต่เอ็งทำใจติดได้หรือป่าว ป้ายไรหรือน้า น้าชายรีบเอาออกมา สติคเกอร์เขียนว่า "ขอสนับสนุน ท่านอัญชลี วานิชเทพบุตร" อ้ายหยา แรงสะไม่มี กูจะทำใจติดได้ไหมนี่

ไม่เป็นไรวุ้ยส์ เพื่อปากท้องและความสะดวก ว่าแล้วก็แองกิ้ว อย่างแรง เดี๋ยววุ้ยส์ไอ้โบ้ ไรละน้า...เอ็งไปติดต่อเสือ...บอกชื่อไม่ได้ ที่บางโรง อำเภอถลาง ภูเก็ต เป็นหนึ่งในทีมคดีโกโหลน เอ็งไปหาเค้าลากเค้าไปด้วย พวกอันธพาลมันจะได้ไม่กล้ากะเอ็ง เดวไอ้เสือ...ยิงไส้ทะลัก ว่าแล้วน้าชายก็ยกหูโทรทันใด ให้เบอร์โทรผมเสร็จสรรพ ผมรีบแองกิ้ว อีกครานึง จุฟฟฟ น้าชัยฯ

ผมล่องใต้ อ้ายหยา...ทางสะดวกเลยคร้าบพี่น้อง ตำรวจตั้งด่านเพียบ ผมเหยียบประมาณ 120-180 กม./ชม. คันอื่นถูกสอยเรียบ ของผมพี่ตำรวจตะเบะอย่างดี ไปเล้ยๆๆ ยันต์ ปชป. ขลังดีวุ้ยส์

ปุเลง ปุเลง มายันอีก 5 กิโลถึงสะพานรักสารสิน ดูกระจกหลัง อ้ายหยามีมอร์ไชค์ตามตูดมาวุ้ยส์ เปิดไฟให้แซงก็ไม่แซง ถนนตอนนั้นเป็น 2 เลน ผมขับความเร็วสูงไม่ได้ ทำไงดีหว่ามันจิกตูดเราไม่ปล่อย ใครตามมายิงกบาลกูป่าววะเนี่ย ในสมองเริ่มคิด จะทำไงดีหว่า อ้อ นึกออกแระเราต้องเข้าที่ชุมชน ได้การแระ ผมรีบขับให้ถึงสะพานสารสินเร็วๆ ใต้สะพานมีท่าเรือ ชื่อ ท่าเรือฉัตรชัย ได้การแระเลี้ยวขวับทันใด อะอะ มันไม่เลิกตามวุ้ยส์ จิกตูดไม่ปล่อย มันเลี้ยวตามแหะ ทำไงดีหว่า? โอว พระเจ้าจอร์ช มันยอดมาก

มีคนกำลังเดินกันขวักไขว่ (เค้ากำลังซื้อขายปลากันอยู่) ผมเอามือกำด้ามปืนทันใดปลดเซฟปืนที่ซุกไว้ในรถ ได้การแระฝ่าฝูงชนเลยเรา แล้วเบรคจ้าก...ตรงนั้นเลย มันไม่เบรค แต่มันแซงผมนะ มันหยุดกึก ตรงกระจกข้างผม ณ วินาทีนั้น ผมควักออกมาเลย เมื่อยนิ้วแล้วละพี่น้องพักก่อนคร้าบ

โพสต์โดย: ตาย่าน008 : อ่านแล้วระทึกใจเหมือนกำลังดูหนังเรื่อง เจมส์บอนด์ 007 ฉากที่พระเอกไล่ล่าผู้ร้าย แต่ผู้ร้ายขับรถปลาทูหนีและตั้งท่าหันกลับมายิงพระเอก โดยพระเอกก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ยกล้อข้ามรถไฟหนีทันพอดี

โพสต์โดย: ป้านินจา : ฮ่า ฮ่า ฮ่า...อ่านแล้วเห็นภาพเลยอ่ะ... เหมือนกำลังดูหนังเจมส์บอนด์ 007 อย่างตาย่านว่าจริงๆด้วย...อิอิอิ !!!

เดี๋ยวๆๆๆพี่...มันยกมือไหว้ผมแหะ อะไรวะขับรถตามตูดกูน่าสงสัยแล้วมายกมือไหว้กู มึงจะเอาอะไร ผมถามมันเชิงตะคอก

พี่รถเครื่องหาเสียงไปร่วมด้วยเค้าให้เท่าไหร่ละพี่...มันถามผมแหะ ผมเลยด่ามันกลับก่อน ทีหลังมึงอย่าทำอย่างงี้อีกหาเรื่องกบาลเป็นรูมั้ยละมึง

ไม่รู้โว้ยแต่เดี๋ยวถามให้ ข้าฯจะไปที่ศูนย์เลือกตั้งในเมือง เอาเบอร์โทรมาเดี่ยวโทรบอก อย่าขับรถตามกูอีกละ กูมันคนขี้ตกใจง่ายพรวดพราดมากบาลมึงเป็นรูมาโทษกูไม่ได้ ว่าแล้วมันก็รีบยกมือขอบคุณผมหลายๆๆ

ตรงนั้นทำให้ผมสังเกตเห็นการค้าขายปลาที่นั่น ที่นี่แปลกแหะ ชาวบ้านขนปลาใส่ท้ายรถเครื่องมาขายที่ท่ากันเป็นจำนวนมาก ปลาทูงี้สวยแบบไม่เคยเห็นจากที่ไหน ตัวเงาวับ ท้องหนาตึบเลย ถูกต้องตามเบญจกัลยาณีทุกประการ ได้การแระ เราจะต้องทำยูเนี่ยนปลาทู เราต้องไปหาไอ้เสือ...นั่นก่อน ผมขอตั้งชื่อเสือตนนั้นว่า เสือเหลือง ละกัน เพราะแก ปชป. จ๋า

โพสต์โดย: สายดำ : เป็นคนอิสลามที่เก่งมากๆเลยครับขอยกย่อง ปกติเห็นแต่คนอิสลามที่เก่งๆ จะเปิดร้านอาหาร รวยๆเอาอ่ะครับ ที่ปกติแถวภาคใต้ก้อประมงกับกรีดยาง แต่ขายปลาทูพึ่งเคยเห็น ไม่ผิดหลักศาสนาใช่มั้ยคับ

โพสต์โดย: MIKA : ควรเรียกคนที่นับถือศาสนาอิสลามว่า คนมุสลิม

ไปถึงบ้านพี่เหลือง เล่าให้ฟังวัตถุประสงค์ของเราว่าจะมาหาซื้อปลาเพื่อทำปลาแช่แข็งส่ง กทม. มีปัญหาอย่างไร แกต้อนรับขับสู้อย่างดี ไปเอาปลาโปะมาให้กิน แถวบางโรง มันติดทะเล และมีท่าเรือไปเกาะยาว เกาะเจมส์บอนด์ เกาะมันนอก มันใน ไปใช้บริการได้ ที่นั่นมีฟาร์มหอยนางรมด้วย อิอิ เดวนอกเรื่องมาก

โพสต์โดย: malee mala : กาแฟยกล้อเปล่า มีปลาท่องโก๋เปล่า หรือจิ้มปลาทูแทน คริ...คริ...เตรียมปากกาดินสอพร้อมแล้ว

พี่เหลืองแกกำลังตกงาน แกเลิกอาชีพยิงกบาลคน นับจากคดีโกโหลนสิ้นสุดลง ผมเลยบอกแกว่า พี่เหลืองพี่มาทำงานกับผมป่าว อย่าเข้าใจผิดว่าผมให้พี่ไปยิงกบาลใคร ผมให้พี่มีอาชีพนึ่งปลาขาย และคอยเก็บปลาส่งผม โอเคมั้ย? แกรีบตอบรับทันที นิสัยคนใต้ข้อดีคือปากหมา พูดตรง ยกเว้นพวกใส่เสื้อนอกในสภา

ผมจัดแจงวางแผนงานระบบเหมือนคราตอนที่ผมให้เพื่อนผมที่อ่าวลึกมันทำ ว่าแล้วแกก็เดินทางไปกับผมโชว์ตัวไปรอบๆใต้ฝั่งตะวันตก ไปที่บ้านบากัน กระบี่ ไปหานักเลงคนที่ยิงปืนไล่ผม แหะๆๆๆๆ พี่ไม่บอกผมนี่ว่าพี่เป็นเพื่อนกะพี่เหลือง พี่เหลืองหวัดดีคร้าบ พี่เหลืองบอก เอ้ย นี่น้องกู มึงอำนวยความสะดวกให้เค้าด้วย

จุดไคลแม็กซ์ลางร้ายผมเริ่มจากทริปนี้แระ ยันต์พรรค ปชป. พาความซวยมาหาผมแน่ๆๆ

เพื่อนผมจัดแจงซื้อปลา พี่เหลืองแกช่วยผมซื้อปลาที่ย่านภูเก็ต และที่ทับละมุ แถวซึนามิน้านแหละ แช่ฟรีซเสร็จสรรพ จัดแจงติดต่อรถห้องเย็นเรียบร้อย กลับ กทม. พอรถวิ่งมาระหว่างทางผมขับรถผมคุมรถห้องเย็นมาด้วย ฝนตกหนักมากในครานั้น พอเลยชุมพรมาหน่อย รถติดมากไม่ขยับเลย มันเกิดอะไรหว่า

จอดนิ่งสนิทเลยครับ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ฝนก็ตกรถก็ติดหิวก็หิว ทำไงดีละ เปิดวิทยุท้องถิ่นฟัง อ้ายหยาเค้าบอกว่าฝนตกหนักให้ระวังน้ำป่า ทางขาด แล้วอาจมีดินถล่มด้วย ขอย้อนนิดนึง ปกติผมเป็นคนไม่ชอบฟังวิทยุท้องถิ่นมันร้องแต่เพลงไทยนะ ผมชอบเพลงฝาหรั่งเลยเปิดเทปเอา ร้องจนไมเคิลแจ้คสัน เจ็บคอทีเดียว

ขยับนิดนึงแหะโชคดีวุ้ยส์เรา หนอยขยับสัก 500 เมตรแค่นั้นเองมันอะไรของมันหว่า นาฬิกาข้อมือติ้กต้อกบอกเวลาบ่ายสอง แล้วนี่เราจะถึง กทม. เมื่อไหร่ละเนี่ย พวกที่นัดเอาปลาไม่บรรลัยหมดหรือ ว่าแล้วยกหูโทรศัพท์โทรบอกว่าบางทีเราอาจไปสายเดี๋ยวค่อยโทรบอกอีกครั้งนึง แกรกๆๆ แกรกๆ เงียบจากเครื่องโทรศัพท์ มันอะไรวะเนี่ย กดอีก แกร้กๆๆ แกรก บรรลัยซิ โทรศัพท์ไม่มีส้ญญาณ

ผมติดตรงนั้นยัน 2 ทุ่มไปไหนไม่ได้ สักพักคนรถห้องเย็นมาบอกว่า พี่ๆน้ำมันใกล้หมดแล้ว เดวตู้เย็นไม่เย็นนะพี่ทำไงดี ซื้อน้ำมันได้ไหมผมถามดูโดยลืมไปว่าถอยก็ไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่ได้ จะให้ไปซื้ออย่างไรดีละพี่ พี่เห็นป่าวเราไปไหนไม่ได้ ทำไงดีละ เอาละซิซวยแล้วเรา

เอางี้เอ็งไปดับเครื่องรถไป เหลือแต่เครื่องทำความเย็นพอ มันพอคงประทังไปได้สัก 4 ชม. ผมบอกเค้าไปอย่างนั้น แล้วพวกเอ็งมานั่งในรถข้า เราดับเครื่องไม่ได้เพราะฝนตกหนักต้องติดเครื่องเปิดแอร์

ครานี้ฟังวิทยุอีก ในวิทยุบอกว่าทางขาดที่บางสะพาน ความซวยมาเยือนกูจริงๆละเนี่ย เมื่อไหร่มันจะออกหัวออกก้อยวะ ขาดนานอย่างนี้ปลาเราไม่ฉิบหายหมดหรือ ผมรีบถามคนรถว่าถ้าน้ำมันหมด รถคงความเย็นได้นานเท่าไหร่ ได้คำตอบว่ามันอยู่ได้ 12 ชม. เฮ้อโล่งอก ซื้อเวลาได้อีกหน่อยวุ้ยส์ ผมได้แต่สวดอ้อนวอนพระเจ้าของผมว่าให้เค้าซ่อมทางเร็วๆ

รอแล้วก็รอจนตีหนึ่งกว่าๆ คนรถบอกว่า พี่น้ำมันเครื่องทำความเย็นเกลี้ยงเลย เอาละสิ ผมเริ่มคิดต่อ แล้วถ้าซ่อมทางเสร็จรถจะเอาน้ำมันที่ไหนวิ่งละเนี่ย ผมเลยจำเป็นต้องดับเครื่องรถ เอาผ้าใบในท้ายกระบะออกมา มาขึงทับหลังคาไฟเบอร์รถปิคอัพผม แล้วใช้เชือกรั้งเอาไว้กันน้ำฝนเข้ารถ เราทุกคนย้ายมานั่งในกระบะแทน เปิดหน้าต่างออก โชคดีผมซื้อขนมของฝากที่จะไปให้คนทางบ้าน เราขนออกมากินกัน ประทังชีวิต

ผมนะไม่เท่าไหร่ เพราะผมเป็นอิสลาม ฝึกการถือศีลอดทุกปี เรื่องแค่นี้ชิวๆๆ

เรารอกันจนข้ามวันข้ามคืน พอ 9 โมงเช้าได้ข่าวจากวิทยุว่า ทางการได้ส่งช่างมาทำสะพานแบริ่ง สะพานแบริ่งคือสะพานเหล็กใช้ชั่วคราวในเวลาสงคราม ขอบคุณพระเจ้า การซ่อมสะพานยังคงดำเนินต่อไป ผมก็รอแล้วรออีก จนบ่ายสองก็ยังไม่เสร็จ ผมเข้าใจนะว่าซ่อมงานกลางฝนลำบากแค่ไหน เนื่องจากก่อนมาเป็นพ่อค้าปลาทู บ้านผมและผมเคยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ขนาดไหนละงานก่อสร้าง เอาเป็นว่า ช.การช่าง ของานปะป๋าผมทำละกัน

ผมนึกในใจว่า อายุการคีบโดยไม่ใช้เครื่องทำความเย็นอยู่ได้ 12 ชม. นี่เลยมา 1 ชม.ละ แล้วเรากว่าจะถึง กทม. อีกกี่ชม. รถติดขนาดนี้ ต้องไม่ต่ำกว่า 12 ชม. แน่ๆๆ เหงื่อที่ฝ่ามือเริ่มออกมาแระ สมองคิดอย่างหนัก พอบ่าย 5 โมงเย็น วิทยุบอกว่าสะพานซ่อมเสร็จแล้ว โยวโยว โชคดีจัง พอ 6 โมงกว่าๆ รถเริ่มขยับ กระดืบ กระดืบ ผมมาถึง กทม. ก็ 10 โมงเช้าของอีกวัน

เปิดตู้ออกดูปลา...กล่องปลาล้มระเนระนาด เนื่องจากปลามันละลายกล่องบุบบิบบู้บี้หมด เปิดออกมาปลาตาแดงเลย ผมไม่กล้าโทรบอกลูกค้าของผมให้มารับปลา บอกว่าเที่ยวนี้มีปัญหา ผมไม่สามารถจำหน่ายให้ได้ งานนี้ผมรับผิดชอบ เองผมคืนเงินมัดจำค่าปลาให้ลูกค้า เสร็จแล้วทำไงละกับปลาตั้งสิบตัน ทำไงดีละพี่น้อง

ให้เจ้าเปรี้ยว นวดมือให้ก่อง แปปนึง

ปลาทูเค็มไงครับ ว่าแล้วไปขนสมุนที่ติดยา แต่ตอนนี้ไม่ติดยาแระ นายจิม...จับมาเลิกสูบเลิกค้า หากีฬาให้เล่นหางานให้ทำ เดวนอกเรื่องไว้คุยทีหลังเรื่องนายจิม กิจกรรมเพื่อสังคม

ให้สมุนมาช่วยลำเลียงปลาออกมา ควักไส้ออก ละลายน้ำเกลือขนานใหญ่ ผมใช้ถัง 200 ลิตรมาผ่าปากออก เอามา 10 ใบ ควักไส้ปลาล้างน้ำสะอาด เอาแช่ในน้ำเกลือ สูตร 60% ของน้ำหนักปลา

ตรงนี้ละคือความโง่ของผมเองเนื่องจากอาชีพเราขายปลานึ่งดันมาทำปลาเค็ม

ความซวย 1 คือรถทางขาด ความซวย 2 คือ เราไม่รู้เรื่องการทำปลาเค็ม ซวย 3 กำลังตามมา ซวย 3 คืออะไร ฟ้ามันครึ้มนะพี่น้องไม่มีแดด ผมเลยต้องเพิ่มเกลือลงไปอีก 10% แช่ครั้งละ ครึ่ง ชม. เอาออกมาผึ่งแดด จริงๆแดดไม่ค่อยมี ประมาณได้ว่าผึ่งลมสะมากกว่า

กว่าจะงัดปลาออกมาตากแดด เนื้อที่ที่จำกัดอีก ปลาออกอาการเลยครับ เสียครึ่งใช้ได้ครึ่งนึง ใช้เวลาทำกัน 10 ชม. เห็นจะได้ เหลือปลาที่เป็นปลาเค็มสามารถขายท้องตลาดได้ประมาณ 40% เท่านั้น ปลาเค็มเมื่อตากแดดแล้วน้ำหนักจะลดไปประมาณ 70% ปลา 10 ตัน เหลือปลาเค็ม 3 ตัน แล้วดันมาใช้ได้แค่ครึ่งเดียว คือตันครึ่ง ผมตากอยู่สามแดด ที่บอกว่าโง่ตอนทำปลาเค็มเพราะว่าผมดันไปแคะไส้มันออก ทั่วไปเค้างัดเฉพาะเหงือกออก น้ำหนักปลาเลยหายไปมาก แหม... ด้วยความปรารถนาดีอยากให้ลูกค้าได้ทานของดีสะอาดนะ

พอเอาเหงือกออก ทำให้ผมได้ปลาแค่ตันกะนิดนึงเอง ขายหรือต้องรีบขาย พอรีบขายโดนกดราคา สาเหตุที่รีบขายเพราะเราไม่ได้มีอาชีพขายของแห้ง ขายทิ้งๆไป โลละ 30 บาท กำไรงามเจงๆนายจิม

รู้งี้แต่แรก...ทิ้งปลาทั้งหมดก็ดี แต่อย่างว่าทิ้งปลาไม่เกิดประโยชน์อันใด มาแปรรูปให้คนอื่นกิน ยังได้ตังค์ ได้บุญด้วย พักโคดสะนาแปป เดวมาบอกว่าซวย 4 คืออะไร

ซวย 4 หรอ หลังจากง่วนกับการเคลียร์เรื่องปลาเค็ม วิ่งขึ้นล่องใต้บ่อยๆ ทำให้ผมเหินห่างครอบครัว ภรรยาผมที่ขายของที่แผงและพาพี่น้องเมียมาช่วยขายตลาดนัด กำไรงามเลยพี่น้อง เราดูแลไม่ถึง อิอิ ไม่เชื่ออาจารย์ ดร.ยาซีน มูตู นักขายมือทอง ผมเป็นศิษย์เอกของแก แกบอกว่า "กิจการไหนก็แล้วแต่ ถ้าดูแลไม่ทั่วถึงสู้ไม่ทำดีกว่า" และอีกประโยคหนึ่งของแก "ถ้าเรามีโปรดัคชั่นหลายตัวให้ควบรวมสะ ไม่งั้นรั่วไหลมากมาย จนถึงยุบกิจการทีเดียว"

ผมละเมิดกฎข้อนี้ไง มันเลยรั่ว ส่วนภรรยานั้นพื้นเพเดิมเค้ายากจนมากไม่เคยมีทองแม้นแต่เท่าหนวดกุ้ง พอมามีรายได้หลักแสน ก็ซื้อทองเป็นตู้ทองเคลื่อนที่ทีเดียว ผมนั้นเตือนแล้วว่าอย่าเป็นเสี่ยเว่อร์ มันอันตราย มีหรือภรรยาจะฟัง ภรรยาเปรียบเหมือนแม่คนที่ 2 ใช่ไหมพี่น้อง เงินทองทุกบาททุกสตางค์ ผมเข้าบัญชีเค้าหมด เพราะสถานะผมติดบูโร จากวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง เลยไม่อยากเอาเงินใส่บัญชี กฎหมายก็งี่เง่า ถ้าเอาเงินไปปลด กว่าจะลบออกต้องใช้เวลาสองปีถึงปลด กฎหมายนี้ใครตราหว่า รฐบ. ไหนฟะ

แก้ไขกฎหมายนี้ใครตรา รฐบ. ไหน ฟะ น้านแหละ ความหมั่นไส้ ปชป. รอบสองเริ่มมาแระ ภาคแรกทำเราอิอ่ายกะวิกฤตการณ์ปี 40 มาทิ้งซากกฎหมายบ้าไรไม่รู้

ภรรยาผมไม่ฟังยังคงใส่ทองอย่างงั้น ช่างมัน อยากบ้าให้มันบ้าไป ผมนึกในใจ ผมก็ค้าขายของผมไปไม่ได้เฉลียวใจอะไรสักอย่าง

และแล้ววันหนึ่งผมกลับจากล่องปลา เชื่อไหมพี่น้องผมกลับบ้านล้มทั้งยืน บ้านผมนั้นขาวสะอาด ผมหาตัวภรรยาไม่พบ ไปไหนหว่า ลูกกลับจากโรงเรียนหาแม่ไม่เจอ ร้องไห้กระจองอแง เกิดอะไรขึ้นกับเราละเนี่ย

ลูกร้องไห้หาแม่ หาแม่ สมองผมมึนชาไปหมด ผมสงสารลูก ลูกผมลูกสาวเรียนเก่ง ช่วยขายปลาทูด้วย อายุเค้าตอนนั้นสัก 7 ขวบเห็นจะได้ ผมไปถามคนแถวตลาด เค้าบอกว่าเห็นแฟนผมมาเปิดแผงช่วงเช้า พอเที่ยงก็ปิดแผง ไปไหนไม่รู้ ผมพยายามซัก แต่ไม่ได้อะไร

ผมสต้อปงานขายปลาทั้งหมดโทรไป cancel ผมทำมาค้าขายเพื่อครอบครัว เงินหมดหาใหม่ได้ ครอบครัวพังหาใหม่ไม่ได้ตอนนั้นมันสับสนไปหมด

ผมเป็น Family man ตั้งเป้าหมายในชีวิตเสมอมา เวลา Fail มันเลยหนักมาก พี่น้องครับสมองผมมันปิดสวิทช์ไปเลย กอดลูก แล้วโอ๋เค้า ปลอบเค้า ทั้งน้ำตา

โพสต์โดย: สปาบ้านทุ่ง2 : หวัดดีค่ะพี่จิม อ่านมาถึงท่อนหลังๆแล้วเศร้าจังอ่ะพี่ แต่ดีใจที่พี่ผ่านจุดนั้นมาได้ สงสารลูกสาวพี่เนาะ นึกภาพออกเลยกอดคอกับพ่อร้องไห้หาแม่ อิอิอิ ตรงข้ามกับเราอ่ะพี่ เราสามแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้ อิอิอิ แต่มันผ่านมานานแล้วอ่ะ...

ผมมาคิดได้ เราจะบ้าบออย่างงี้ได้ไงในตอนดึก ลูกต้องเรียนหนังสือ ใครจะรับส่งลูก ใครจะหาข้าวให้ลูกกิน ผมไม่โทรบอกพี่น้อง กลัวว่าเค้าตกใจ เรื่องทุกข์ไม่อยากให้พี่น้องฟัง เรื่องสุขเราให้เค้าฟัง พ่อแม่เลี้ยงเรามาก็เหนื่อยมากพอแล้วใยให้เค้าต้องมารับรู้ปัญหาของเราด้วย

โพสต์โดย: ไซฟอนท์ : รู้สึกได้นะครับถึงการศูนย์เสีย เสียใจด้วยนะครับ

วันรุ่งขึ้นผมไปตลาดแต่เช้าเพื่อหาอะไรให้ลูกกิน ปรับทุกข์กับแผงเนื้อข้างๆผมให้ฟัง เรื่องปัญหาของลูก เพื่อนข้างแผงเค้าบอกว่า เอาอย่างนี้ดิ เบื้องต้น เช้าพี่ส่งลูกเสร็จ เย็นไม่ต้องห่วงให้สามล้อถีบรับลูกจากโรงเรียนมาอยู่กับหนูที่แผงนี่ ลืมบอกไป ลูกสาวผมเรียนโรงเรียนจีน ซอยวัดสนาม ตรงกันข้ามกับตลาดปากเกร็ด

นี่ละเพื่อนๆอานิสงค์ของผมในการแจกปลาทูให้เพื่อนในตลาดได้กินฟรี ผมไม่เคยแบกปลากลับบ้านทั้งเหลือหรือแกล้งเหลือผมแจกหมด อย่าใจแคบครับพี่น้อง วันนึงสิ่งนั้นจะหันกลับมาตอบแทนเรา

เอาเป็นว่าปัญหาเรื่องลูกหมดไปเปราะนึง ยุทธการสืบหาเมียเริ่มขึ้นแล้ว

ผมกลับห้องเริ่มค้นหาสมุดเงินฝาก ปรากฏว่าอันตรธานหายไป ผมลองเอา เอทีเอม. ผมไปกดดูปรากฏว่ามีเงินแค่ 2 แสน เงินเป็นล้านไม่เหลือเลย ปกติผมจะให้เมียโอนเข้าเป็นคราวๆเวลาต้องการใช้เงิน ผมรีบกลับไปที่ตลาดเริ่มสืบจากคนในตลาดก่อน และเลยมาที่หน้าตลาดว่ามีไรผิดปกติหรือไม่ ทุกคนส่ายหน้า แต่แววตานั้นเหมือนมีไรซ่อนอยู่ ผมไม่ลดละ พยายามภาษาอังกฤษ บอกว่า we have to try and try ผมจำคำสอนจาก บราเดอร์ฝรั่ง ตอนที่เรียนอัสสัมชัญ

และแล้วผมก็ ได้เบาะแสจากแม่ค้าคนหนึ่ง แม่ค้าผักเจ้าใหญ่ เค้าบอกว่ามีลูกค้าคนหนึ่งมาซื้อบ่อยมากเป็นตำรวจ แต่ไม่รู้ว่าเป็นตำรวจที่ไหนท่าทางกระลิ้มกระเหลี่ย อ้อ ลืมบอกไปเมียผมอดีตนางนพมาศเชวนะ สวยมาก แต่เค้าบ้าทอง ใส่มันทั้งตัว นิ้วมือ 20 นิ้วไม่เว้นว่างั้นเถอะ

ได้การละ สมองเริ่มคิด จังไรแล้วผม ผมไปหลังตลาดไปหาสามล้อถีบและพวกติดยาหลังตลาด พวกติดยากับพวกสามล้อถีบพวกนี้ไม่กล้ากับผมเพราะกินปลาทูฟรีผมประจำผมให้นะ

เฮ้ยพวกมึงมีใครเห็นเมียกูบ้างวะ วงแตกเลยพี่น้องมันหลบตากันเป็นแถวๆๆ ไอ้อู้ด....มึงนะขาใหญ่ใช่ไหม บอกกูมาไอ้นี่ปั้ดเหนี่ยวเลย

ได้การละมันรู้แหะไอ้นี่ มันบอกว่า พี่ ผมเห็นเมียพี่เค้านั่งซ้อนท้ายตำรวจ วันที่เมียพี่หายนั่นแหละ มันบอกรูปร่างลักษณะเสร็จ ตรงกับที่แม่ค้าผักคนนั้นบอก ผมไม่อยากยุ่งเรื่องผัวเมีย พี่อย่าเอาผมไปยุ่งนะ เออกูรู้ พวกมึงไม่อยากมีปัญหากับตำรวจ

ผมงี้ขาสั่นสมองชา...ตรึบ มือกำหมัดแน่น แต่ทำท่าเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่อยากเสียฟอร์มกับสมุน

รีบเดินขึ้นโรงพักปากเกร็ดเลย ตอนนั้นโรงพักย้ายจากหลังตลาดไปที่แถวสวนสมเด็จใกล้สะพานนวลฉวี ไปหาสารวัตรแมนซี้กัน ไปสอบถามรูปพรรณตำรวจ ปรากฏว่าไม่มี สารวัตรบอกว่า ให้ผมช่วยตามหาให้ไหม ผมบอกว่าไม่เป็นไรครับเรื่องในครอบครัว

ผมรีบกลับมาบ้านต่อจิ้กซอร์ ฟันธงได้ทันทีว่าเมียผมหนีตามตำรวจแน่ๆ

ผมนั่งบ้าอย่างนั้น 2 คืนสองวันไม่กินไม่นอน กอดลูกร้องไห้กับลูก และแล้วก็มีจดหมายมาที่ห้อง เมียผมเขียนมาว่า ปล่อยเค้าไปเถอะ เค้าเจอคนที่ถูกใจและดูแลเค้าได้แล้ว

มือผมสั่นระริก น้ำตาไหลอาบแก้ม มองหน้าลูก สงสารเค้าทำไงดีละกับชีวิตเรา ลูกผมมองตาผมใสๆเหมือนจะถามว่าจดหมายใคร จดหมายแม่หรือเปล่า ผมไม่ตอบกอดลูกไว้แน่นเอามือลูบหัวเค้า แล้วบอกเค้าว่า "เรามีกันสองคนนะลูก ต่อแต่นี้เราต้องรักกันมากๆ ป๋าจะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้หนู

พี่น้องขออนุญาต พักก่อนนะครับ ระหว่างเขียนนี้น้ำตาผมก็ซึมแล้วครับ

โพสต์โดย: เคาวันสน : สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับพี่ แค่ผมอกหักยังแย่เลยเนอะ

ผมนิ่งไปสักพักใหญ่...ลูกผมเค้าก็ไม่เข้าใจความหมายที่ผมบอก คงเซ้าซี้อย่างนั้นเรื่องแม่เค้า ผมไม่พูดบอกอะไรทั้งนั้น

ผมมานั่งตรองดูเราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อลูกความหวังมีได้หมดได้ เราสร้างมันใหม่ซิ เราไม่ได้ทำเพื่อใคร หรือเพื่อตนเอง เราต้องสู้ สุ้ โว้ยนายจิม หลังจากพาลูกกินข้าวอาบน้ำ กกลูกนอน

ผมเริ่มมีสติมากขึ้นโทรหาลูกค้าทั้งหมด บอกว่าตอนนี้ผมไม่มีสมองทำอะไร บอกเค้าทั้งหมดผมไม่อายที่จะบอกใครเพื่อเป็นอุทาหรณ์ของชีวิต

ผมบอกว่าขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่เป็นลูกค้าที่ดีเสมอมา ตอนนี้ผมมันสติรั่วไปแล้วคงไม่มีสมองมาทำอะไรอีก เดี๋ยวผมบริการไม่ได้จะเสียทั้งเมียเสียทั้งเพื่อนและลูกค้า ผมลืมบอกไปสไตล์ผมชอบพูดเรื่องจริง คนรอบข้างเค้าจะได้จัดการชีวิตเค้าได้ถูก

พวกพี่คงต้องช่วยเหลือตนเองละครับ คงต้องกลับไปหาซื้อปลาที่มหาชัยกันครับ ผมขอโทษด้วยจริงๆ อาการผมดีกว่านี้จะมาบริการให้ใหม่นะครับ

ผมนอนคิดอยู่อีกทั้งคืนคืนนั้น ว่าเราต้องการเมียเรากลับหรือไม่ ถ้าเราเอากลับมา เราต้องเสียศักดิ์ศรีความเป็นชาย แต่ถ้าไม่เอากลับละ ไม่มีคำตอบครับ มองลุกที่หลับข้างๆ

และแล้วผมก็ได้คำตอบว่า...ผมต้องตามแม่เค้ากลับ เราทำเพื่อลูกใช่ไหม เราจะไปแคร์อะไรกับคำว่าศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ลูกผมต้องไม่เป็นเด็กกำพร้า ลูกผมต้องการไออุ่นจากแม่ของเค้า เรื่องของตัวเรามันจิ้บจ้อยนักเมื่อเทียบกับความรู้สึกลูก

วันรุ่งขึ้นผมไปลาครูที่โรงเรียนลูกวันนั้นวันพฤหัสผมจำได้แม่นยำ บอกว่าลาสักสองวันนะครับ ว่าแล้วผมก็กระเตงลูกขับรถไปบ้านแม่เค้าที่บุรีรัมย์ ไปบ้านพ่อตาแม่ยาย ถามหาไม่เจอ ผมไม่โง่นะ ก่อนเข้าหมู่บ้านผมลองสืบเลียบๆเคียงร้านค้าแถวนั้นก่อนปรากฏว่าไร้วี่แวว

แม่ยายพ่อตาถามว่าเอ็งมีปัญหากันหรอ ผมตอบว่าครับนิดหน่อย แต่ผมไม่พูดอะไรให้รู้ เออ เดวมันมาข้าฯจะส่งข่าวให้ แห้วสิเรา

ผมก็ขับรถกลับ ตระเวนหาตามบ้านเพื่อนเค้าจนเหนื่อยใจ ลูกก็เหนื่อยไม่มีใครได้ข่าว จนวันอาทิตย์นั่นแหละผมถึงกลับมาบ้านเพื่อเตรียมการให้ลูกไปโรงเรียน ตัวผมเองนะหรือข้าวปลาไม่กิน ตาโบ๋

วันรุ่งขึ้นผมเอาลูกไปโรงเรียนอีก กลางวันวิ่งตามหาไปทั่ว ไม่มีวีแววใดๆ สมองผมนะหรืออะไรก็ได้วิธีไหนก็ ได้หมดเท่าไหร่ก็ยอมเพื่อเอาตัวเมียกลับมา

เริ่มคิดแระถึงไสยศาสตร์ อะได้การเริ่มเลย ตำหนักไหนดี ค่าทำเท่าไหร่ให้เรียกกลับ อูย...พี่น้องผมหมดไปเหยียบแสน 7 วันล่อไปสักสิบตำหนักเห็นจะได้ แต่ละที่ 7 พันบ้าง 8 พันบ้าง หมดตูดเลย พอครบอาทิตย์ก็ไม่กลับ นี่แหละอุทาหรณ์ อย่าเชื่อพวกทรงเจ้าเข้าผี

ครบอาทิตย์ผมเริ่มล้า ผมมองหน้าลูกสงสารเค้า เอาลูกอาบน้ำนอน ผมคิดอะไรอยู่ ความคิดผมมันสับสนวุ่นวายไปหมด ตอนนั้นบ่ายวันอาทิตย์ ผมเคยด่าคนที่ฆ่าตัวตายนะโง่ ตอนนี้เริ่มรู้แล้ว มันมีคำสั่งซ้ำๆกันในสมอง ในหูว่า เราตั้งความหวังไว้มากมาย ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ มันซ้ำๆๆกันในสมอง อย่าอยู่เลย ซ้ำๆๆกันเป็นพันเที่ยวในรูหู เหมือนพรายกระชิบ ลูกผมนอนหลับข้างๆ นอนคุดคู้มองเค้าน้ำตาผมไหลอาบแก้ม

ผมหันไปมองปืนคู่ชีพผม 11 มม. จับมันมาลูบแล้วลูบอีก และแล้วผมค่อยๆยกมันมาจ่อที่ขมับตนเอง

ลูกจ๋า ป๋าลาก่อน ป๋าเป็นพ่อที่เฮงซวย ทำให้หนูต้องกำพร้าแม่ อยู่กับย่านะลูกนะ
ขอพักแปปนะพี่น้องน้ำตาผมมันเริ่มไหลอีกแล้ว

ปัง......ปัง......

โพสต์โดย: สปาบ้านทุ่ง2 : เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เข้าใจเลยว่าพี่จิมตอนนั้นกำลังคิดจะทำอะไร (ส่วนตัวเองกอดลูกทั้งสองคนร้องไห้พร้อมกับเตรียมยาฆ่าหญ้าใส่ขวดนมให้ลูก) พี่จิมสู้ๆค่ะ

ปัง.....ปัง.....เสียงเคาะประตู ดังขึ้น พร้อมมีเสียงตะโกน เรียก โบ้ โบ้...หูแตกไง เสียงแม่ผมครับ ผมตื่นจากภวังค์ ผมวางปืนลง น้ำตาไหลพรากๆ รีบไปเปิดประตูให้แม่เข้ามา

ผมก้มลงกราบตีนแม่ร้องไห้แต่ไม่มีเสียง น้ำตาไหลนองหน้า แม่ผมขอโทษ ผมเกือบทำอะไรโง่ๆๆ แม่มองหน้าผมแกก็คงรู้แกมองเห็นปืนที่วางไว้ทีหัวนอน

แม่ย่อเข่าลงมากอดผมเอามือลูบหัว แกมีปัญหากันใช่ไหม อย่าคิดอะไรโง่ๆ ลูกมันไม่มีแม่ แต่มันไม่มีแกไม่ได้ ลูกคือแก้วตาดวงใจของแก แกตั้งความหวังไว้มากมันก็เจ็บอย่างนี้แหละ เอาเป็นบทเรียนนะลูกนะ ไป ไปล้างหน้าล้างตา ออกรถ เอาลูกไปด้วย ลงใต้กันขับไปเรื่อยๆ ไปกับแม่แหละ แกสบายใจเมื่อไหร่ค่อยกลับ

ผมทำตามอย่างที่แม่บอก จัดแจงเอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ขับรถล่องใต้ทันใด ระหว่างทางแม่ก็ซักเรื่องราวไปด้วยอะไรไปด้วย แม่บอกว่าวันนั้นไม่รู้อะไร แกอยากกินปลาทูนึ่งและคิดถึงหลาน แกเลยมาหาว่าจะเอาปลาทูติดมือกลับบ้านไปด้วย

แม่เริ่มสะกดจิตผมละ อิอิ ลืมบอกไปแม่ผมแกเป็นครูมาก่อน ครูสมัยก่อนเค้าเรียนวิชาครูด้วย แม่บอกว่าเสียอะไรเสียไปลูก...เงินทองช่างหัวมัน หมดได้หาใหม่มาได้ เค้าเอาไปถือว่าเค้าให้ลูกที่ประเสริฐกับแกมา คนเรานะลูก อย่าให้ตายอย่าให้ติดคุก คนติดคุกคิดได้ทำไม่ได้ คนตายคิดไม่ได้ทำไม่ได้ จำไว้นะ

ความทุกข์หรือเป็นเช่นไร หันหน้าเข้าหามันแล้วลูกอ้าปากว้างๆหัวเราะดังๆ แล้วบอกมันว่า ไอ้หน้าความทุกข์แกไม่มีวันชนะฉันได้หรอก 5555

ตอนนี้ลูกสาวผม 18 ครับ เค้าเตรียมเอนทรานซ์ คะแนนจีพีเอสวยมาก 5 พันกว่าคะแนนแล้ว เข้าจุฬาฯได้สบาย เค้าต้องการเข้าจุฬาฯ เพราะว่าเค้าบอกว่าจะไปเปลี่ยนทัศนะคติ คนในนั้นเรื่องแบ่งวรรณการศึกษา ดูมันคิดดิ ไอ้ลูกคนนี้

ผมตระเวนที่ใต้ยันโกลก เข้าตามป่าตามเขาไปสงบสติอารมณ์ได้สัก 3 วัน ไม่อยู่แหะยิ่งบ้าขึ้น มันร้อนในอกไปหมดแหะ ขับรถกลับ กทม. ระหว่างทางแม่บอกประโยคนึงทำให้ผมมีสติมากขึ้นว่า

ตอนนี้นะถ้าแม่มีเงินสัก 10 ล้านกองให้แก แล้วซื้อความสุขให้แกได้แม่จะทำ แต่มันเปล่าประโยชน์ถ้าแกไม่รู้จักสู้กับมัน สู้ให้ได้นะลูกทุกอย่างมันอยู่ที่ใจแก แกชนะคนทั้งโลก แกทะนงตนเองเก่ง แล้วเป็นไง แม้กระทั่งใจแกเองยังแพ้เลย อย่างนี้จะเรียกว่าแกชนะได้อย่างไร

ผมขับรถไป ปาดน้ำตาไป ประโยคนี้เองทำให้ผมมีสติ กลับถึง กทม. แม่ครับผมฝากลูกไว้ด้วย แม่ถามว่าแล้วแกจะไปไหน ผมตอบว่าผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะหันหน้าสู้กับมัน ไอ้หน้าความทุกข์นี่แหละอย่างที่แม่บอก

คืนนั้นแม่ไม่กลับบ้านค้างกับผม แม่คงเป็นห่วงผมทำอะไรบ้าๆอีก ผมนอนหลับได้แหะ วันรุ่งขึ้นรีบไปลาคุณครูเอาลูกออกจากโรงเรียน เอาแม่และลูกไปฝากที่โรงเรียนแถวบ้านแม่ แล้วผมนอนค้างที่บ้านแม่คืนนึง ระหว่างนั้นในใจเราคิดว่าเราต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน และแล้วผมก็ได้คำตอบ

ข้างบ้านแม่ผมเค้าซื้อแท็กซี่แจกให้ลูกๆเค้าคนละคันขับทำมาหากิน ผมได้คิดแระ ขับแท็กซี่ดีไหมเรา เช้ามืดมิรอช้า รีบไปคุยกับเค้าว่ารายได้เท่าไหร่ ขับเป็นอย่างไร ลูกค้าเป็นคนแบบไหน สไตล์ พ่อค้าเริ่มอีกแระ

ได้ความมาว่าเค้าขับหลับๆตื่นๆได้เงินวันละ 1,600-1,700 บาท ผู้โดยสารมีหลายประเภท บางคนขึ้นมาก็บ่นๆๆเรื่องตนเอง บางคนคุยเรื่อยเปื่อย สมองผมเริ่มคิดแล้ว ผมไม่สนใจเรื่องรายได้ ตอนนี้ผมต้องการเพื่อน ใครละที่จะเป็นกระโถนให้เราได้ ผู้โดยสารไงนายจิม ปิ้งๆๆมาในสมองทันใด ผู้โดยสารบ่นมาเราบ่นไป เจอกันครั้งเดียว อิอิ ไม่ต้องแคร์ใครได้การแระนายจิม

น้านแหละคือจุดเริ่มต้นของคนขับแท็กซี่ของนายจิม ตอนต่อไปจะมาเล่าว่า นายจิมจะผงาดขึ้นมาอีกครั้งได้หรือไม่ โปรดติดตามชมนะครับ ใครอยากฟังยกมือขึ้น...

โพสต์โดย: หนุ่มน้ำเค็ม : ได้แต่อ่านมาตั้งนาน ขอเป็นกำลังใจให้ครับ แต่ผมว่าน๊ะจากที่อ่านมา คุณจิม ไม่แพ้อะไรง่ายๆหรอก ต้องลุกขึ้นมาสู้ต่อได้เสมอ

อิอิ ติดตามชมวันพรุ่งนี้คร้าบ เสียใจด้วย เดวเซ้งหมด เรื่องนี้สนุกมีซ่อนเงื่อนอีกเยอะแบบเพชรพระอุมาเชว

จุดประสงค์ที่เขียนเพื่อเป็นอุทาหรณ์และเพื่อเพิ่มกำลังใจในการสู้ชีวิต คนเราไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ชอบ แต่เราต้องทำให้ดีที่สุดในสิ่งที่เราต้องทำ นั้นคือชีวิตผม

ถ้าเพื่อนๆท่านใดเก็บเกี่ยวประโยชน์จากเรื่องราวที่ผมเขียนมาทั้งหมด ผมขอยกประโยชน์ให้พี่น้องร่วมชาติทุกท่าน ช่วยกันนำพาซึ่งความสุขของคนในชาติทุกคนนะครับ อย่าให้ทุกข์เหมือนนายจิม

โพสต์โดย: Monkey_D_Luffy : ต้องอย่างนี้ซิ...ลูกผู้ชายตัวจิง

ขอขอบคุณมิตรรักแฟนเพลงของพี่เป้า เอ้ย...นายจิม ตัวเท่าหม้อแกง นะครับ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ นายจิมจะทำงานของนายจิมก่อง เดวอาทิตย์หน้าเซ็นต์สัญญากะเยอรเผือกแล้ว...

ตอนต่อไปมาดูกลยุทธ์กันว่าคนขับ taxi อย่างนายจิมมีวิธีเล่นกลอันใดบ้าง พี่น้องแท็กซี่ตามมาฟังได้เลย จะได้นำไปประยุกต์กับการขับ ทำอย่างไรให้มีเงินเข้ามากมาย อย่างไรไม่ต้องปุเลงปุเลงรถป่าวให้เมื่อย...

ทำอย่างไรจะเอาวิธีการตลาดแบบการขายปลาทูมาประยุกต์กับการขับ taxi และทำอย่างไรจะกลับไปเป็นอาเฮียจิม อย่างเดิมได้อีก อันนี้สำคัญมักมาก...

@ ติดตามไปอ่านต่อที่นี่ครับ...