"คู่มือ...ทำกับข้าวเมืองเหนือประยุกต์" (ฉบับรีไซเคิ้ล) เล่มนี้ ผมขออนุญาตเรียกอย่างนี้ เพราะกระดากที่จะเรียกว่า "ตำรา" ผมเขียนขึ้นจากประสบการณ์ในการทำกับข้าวด้วยตนเองเกือบจะทุกวัน ตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่จนเกือบจะลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว ส่วนหนึ่งซึ่งนับว่าเป็นส่วนมากที่สุดมาจากความทรงจำในอดีต ที่ได้อาสาเป็นลูกมือช่วยผู้ใหญ่ทำกับข้าวอยู่เสมอ... และทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ผมได้ตรวจสอบชำระข้อความบางท่อนบางตอนที่เป็นส่วนสาระสำคัญกับหนังสือ "ตำราทำกับข้าวเมืองเหนือ" เขียนโดย คุณสงวน โชติสุขรัตน์ ซึ่งเป็นบรมครูทางการหนังสือพิมพ์ขั้นปฐมของผม แล้วนำมาคลุกเคล้าผสมผสานเรียบเรียงเขียนขึ้นมาใหม่ในเชิง "เล่าสู่กันฟัง" ทั้งนี้ เพื่อสะดวกแก่คนรุ่นใหม่ จะได้นำเอาไปเป็น "คู่มือ" อนุรักษ์การทำกับข้าวของเมืองเหนือ ให้คงอยู่ถึงคนรุ่นต่อๆไป โดยคำนึงถึงวิธีการการทำกับข้าวเพื่อให้ทำกันได้อย่างง่ายๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อนอะไร
"โปรดสังเกต.. ที่ช่อง url ด้านบนซ้าย ถ้าเป็น https กรุณาเปลี่ยนเป็น http แล้วกด enter เข้ามาใหม่ครับ"
@ คลิกที่นี่ ดูบนyoutube... @ ภาพรับปริญญามีต่อที่นี่... @ และที่นี่อีกจ้า... @ บัณฑิตรามฯรุ่น38(2555) ทุกคณะและทุกคน โหลดคลิปที่นี่...

วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2560

ทวงถามเงินบำเหน็จชราภาพที่สำนักงานประกันสังคมจ่ายไม่ครบ


ทวงถามเงินบำเหน็จชราภาพ
ที่สำนักงานประกันสังคมจ่ายไม่ครบ


"..ตอนจะเอาใช้กฎหมายบังคับเอาไปทันที พอตอนจ่ายคืนต้องอุทธรณ์อยู่หลายปีกว่าจะได้ครบ .. เงินสองพันกว่าๆแค่รายเดียวมองเผินๆมันน้อยนิดก็จริง ถ้าเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านรายละ เงินมันมหาศาลแค่ไหน? คิดซิ..คิดซิ!!.."

"เจ๊ส้มลิ้ม"ได้เกษียณ 2 ครั้งนะคะ

ระยะเวลาที่"เจ๊ส้มลิ้ม"ทำงานกับ"บูติคแฟคตอรี่" ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2522 ถึง วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2559 รวมทั้งหมด 37 ปีเต็มๆค่ะ

*เกษียณครั้งแรก วันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2556 เกษียณอายุ 55 ปี ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม ตำแหน่งก่อนเกษียณ"เจ๊ส้มลิ้ม"อยู่ที่"แผนกแพทเทริน"ค่ะ

"บูติคแฟคตอรี่" มอบของขวัญ "สลากออมสินพิเศษ" มูลค่า 2,000.00 บาท ให้"เจ๊ส้มลิ้ม"ด้วยค่ะ

และ "ประกันสังคม" *ข้อความ((ในวงเล็บ))ต่อไปนี้ โปรดสังเกตปี พ.ศ.นะคะ..

((... หลังจาก"เจ๊ส้มลิ้ม"ติดต่อทำเรื่องเกษียณแล้ว วันที่ 18 เมษายน 2556 และวันที่ 5 มิถุนายน 2556 "ประกันสังคม" อนุมัติจ่ายเงินสะสม+ผลประโยชน์ตอบแทนทั้งหมด 136,295.24 บาท ซึ่งมันน้อยกว่าที่"เจ๊ส้มลิ้ม"คำนวณไว้ (เก่งกว่าเจ้าหน้าที่อีกค่ะ..หุหุ)

"เจ๊ส้มลิ้ม"จึงอุทธรณ์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2556 และได้รับอนุมัติให้จ่ายเงินสะสม+ผลประโยชน์ตอบแทนครบ 148,854.92 บาท เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 (ที่ รง ๐๖๒๖/ปย ๑๓๓๗ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ผู้ลงนาม นางณัฐธิกานต์ เดชอุปการ)

แต่ "เจ๊ส้มลิ้ม"คำนวณเอง ว่าจะได้รับเงินสะสม+ผลประโยชน์ตอบแทนรวมทั้งหมด 151,320.40 บาท จึงอุทธรณ์ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2558 ว่าทาง"ประกันสังคม"จ่ายเงินไม่ครบยังขาดอีก 2,465.48 บาท

"เจ๊ส้มลิ้ม"ยื่นอุทธรณ์ทั้ง 2 ครั้งที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 10 เขตมีนบุรี

น.ส.สุนันทา นาคดี นักวิชาการแรงงานชำนาญการ เป็นผู้รับแบบอุทธรณ์ทั้ง 2 ครั้งค่ะ

วิธีคำนวณของ"เจ๊ส้มลิ้ม" กรุณาดูคำอุทธรณ์ 1/2 และ 2/2 ที่แนบมาพร้อมกับบทความนี้นะคะ

แต่จนถึงป่านนี้(วันที่ 13 กันยายน 2560) "เจ๊ส้มลิ้ม"ยังไม่ได้รับอนุมัติให้จ่ายเงินที่ยังค้างจ่ายตามที่อุทธรณ์ครั้งที่ 2 ไว้นะคะ ...))

หนึ่งเดือนให้หลัง ต่อมา วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2556 "บูติคแฟคตอรี่"ก็เรียก"เจ๊ส้มลิ้ม"กลับเข้าทำงานตำแหน่งเดิมอีกครั้ง

*เกษียณครั้งที่สอง วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2559 เกษียณอายุ 58 ปี ตำแหน่งก่อนเกษียณ"เจ๊ส้มลิ้ม"อยู่ที่"แผนกตรวจสอบคุณภาพ" หรือ QC ค่ะ

เกษียณครั้งนี้ "บูติคแฟคตอรี่" ได้จ่ายเงินชดเชยให้"เจ๊ส้มลิ้ม" 114,000.00 บาท

และ"ประกันสังคม"จ่ายเงินสะสม+ผลประโยชน์ตอบแทนให้"เจ๊ส้มลิ้ม" 36,138.59 บาท เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2560



* * * * *

ที่ รง ๐๖๒๖/ปย ๑๓๓๗ ลว.22พ.ค.58 นางณัฐธิกานต์ เดชอุปการ
เงินสมทบกรณีชราภาพ 114,757.02 บาท
ผลประโยชน์ตอบแทน 34,097.90 บาท
รวมเป็นเงินบำเหน็จชราภาพ 148,854.92 บาท

น่าจะเป็น
--- เงินสมทบกรณีชราภาพ 114,757.02 บาท
--- ผลประโยชน์ตอบแทน 36,563.38 บาท
--- รวมเป็นเงินบำเหน็จชราภาพ 151,320.40 บาท

--- ขาดอีก (151,320.40 - 148,854.92) 2,465.48 บาท

จ่ายครบแล้วจ้า เช็คธนาคารกรุงไทย ลงวันที่ 1/11/2560 จำนวนเงิน 2,465.48 บาท

* * * * *

@ ลูกจ้างทุกคนโปรดทราบ (คลิกที่นี่..)
"..ประกาศใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2560 ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 เป็นต้นไป .. ลูกจ้างเกษียณอายุถือเป็นการเลิกจ้าง นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด.."

* * * * *


"เกร็ดชีวิตเล็กๆของ"เจ๊ส้มลิ้ม"จ้า!!"

วันนี้อารมณ์ดี มา..จะเล่าเกร็ดชีวิตเล็กๆของ"เจ๊ส้มลิ้ม"ให้อ่านกัน!!

@ "ชีวิตในวัยเด็ก"

"เจ๊ส้มลิ้ม"บ้านเกิดอยู่ที่ดอนกระเบื้องตำบลพงสวายจังหวัดราชบุรีโน่น พ.ศ.2501 เป็นปีเกิดค่ะ

ตอนเด็กๆ"เจ๊ส้มลิ้ม"น่ารักนะคะ ใครเห็นก็ทักใครเห็นก็ชมว่าหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา จนกระทั่งคำว่า"จิ้มลิ้ม"เกือบจะกลายเป็นชื่อของ"เจ๊ส้มลิ้ม"ไปแล้วค่ะ

ถ้าไม่เผอิญช่วงเวลานั้นมีคุณนาย"ส้มลิ้ม"เศรษฐีนีผู้ใจบุญสุนทานกำลังโด่งดังขจรขจรขจายถึงความมั่งคั่งและความใจบุญสุนทาน คุณยายของ"เจ๊ส้มลิ้ม"ได้ช่องจึงตั้งชื่อตามว่า"ส้มลิ้ม"ไงคะ เพราะอยากให้หลานสาวคนนี้เติบใหญ่เป็นเศรษฐีนีกับเขาบ้าง..อิอิ

ปัจจุบัน"เจ๊ส้มลิ้ม"เป็นได้แค่ "เศษ"ฐ๊นี เท่านั้นค่ะ 555

ชีวิตในวัยเด็ก"เจ๊ส้มลิ้ม"ก็เหมือนๆคนบ้านนอกทั่วๆไปล่ะค่ะ ตื่นเช้าก็เข้าครัวหุงข้าวทำกับข้าวกับปลาแล้วก็หอบหนังสือไปโรงเรียน กลับจากโรงเรียนก็เข้าครัวอีกแหละ

พ่อแม่"เจ๊ส้มลิ้ม"เป็นชาวนาค่ะ ทำนาปลูกข้าวสองคนตายาย ออกบ้านแต่เช้ามืดเย็นย่ำค่ำลงถึงจะกลับถึงบ้าน ตอนนั้น"เจ๊ส้มลิ้ม"ไม่มีสมาธิจะเรียนแล้ว ร่ำๆจะลาออกกลางคันเพราะสงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานหนัก แต่ท่านทั้งสองห้ามไว้ค่ะ

จนกระทั่งเรียนจบ"เจ๊ส้มลิ้ม"ก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนาค่ะ หลีกทางให้พี่ชายได้เรียนต่อชั้นมัธยม ด้วยข้ออ้างพี่เป็นผู้ชายจะต้องเรียนให้สูงๆจะได้เป็นหลักครอบครัวของเราค่ะ

"เจ๊ส้มลิ้ม"ก็อ้างๆไปยังงั้นแหละ แต่ความจริงเป็นเพราะ"เจ๊ส้มลิ้ม"สงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานหนักมากกว่าค่ะ

เมื่อเติบโตเป็นสาวรุ่นๆ"เจ๊ส้มลิ้ม"มีเพื่อนเยอะค่ะทั้งชายหญิง ก็เพื่อนๆร่วมรุ่นที่เรียนหนังสือโรงเรียนวัดมาด้วยกันไงล่ะคะ เพื่อนบางคนที่พ่อแม่มีอันจะกินก็เข้าไปเรียนต่อชั้นมัธยมในเมืองกัน ก็เกือบจะทุกคนแหละค่ะที่ได้เรียนต่อ ยกเว้น"เจ๊ส้มลิ้ม"คนเดียวที่ก้มๆเงยๆทำนาปลูกข้าวกลางทุ่งกลางนาอยู่งกๆ

"เจ๊ส้มลิ้ม"ช่วยพ่อแม่ทำนาอยู่หลายปีค่ะ ก็ทุลักทุเลลุ่มๆดอนๆไปตามจังหวะชีวิตแหละค่ะ ไม่ก้าวหน้าไปไหนมีแต่ถอยหลังลงคลองไปเรื่อยๆ

หันไปมองเพื่อนๆที่ก้าวหน้าไปคนแล้วคนเล่า แล้วก็หันกลับมามองตัวเอง น่าสังเวชเกิ้น.. ตอนนั้น"เจ๊ส้มลิ้ม"รู้สึกเบื่อๆกับชีวิตเช้าก็ทำนาเย็นก็ทำนามืดก็ทำนา ทำนา ทำนา ทำนา อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เบื่อ เบื่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ค่ะ

แล้วก็เหมือนฟ้ามาโปรด ก็ให้เผอิญมีพี่ข้างบ้านไปเรียนจบวิชาตัดเย็บเสื้อมาจากกรุงเทพฯเปิดร้านอยู่หน้าตลาดในตัวเมืองราชบุรี "เจ๊ส้มลิ้ม"จึงตัดสินใจเลิกทำนาไปเรียนตัดเย็บเสื้อผ้ากับพี่เค้าซึ่งพ่อแม่ก็เห็นดีเห็นชอบอนุญาตให้ไปเรียนได้ค่ะ

* * * * *

@ "เข้ากรุงเทพฯหางานทำจ้า"

หลังจากฝึกปรือวิทยายุทธวิชาตัดเย็บเสื้อผ้าจนเก่งพอตัวพอจะบินเดี่ยวได้แล้ว ตอนนั้นพ่อแม่ซื้อจักรเย็บผ้ายี่ห้อซิงเกอร์ให้ 1 คัน "เจ๊ส้มลิ้ม" ก็รับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้าให้คนแถวๆบ้าน วันนึงก็ได้หลายตังค์อยู่

นึกแล้วขำ.. เรียนมาแทบตายต้องมาเย็บชายผ้าขะม้าต่อผ้าถุงปะตูดตัดขาต่อขาทั้งกางเกงขาสั้นขายาว โอ้ย..สารพัดงานที่เขาจ้าง แต่ไม่มีใครสักคนกล้าให้"เจ๊ส้มลิ้ม"วัดตัวตัดเสื้อตัดชุดตัดกระโปรงกับเขาบ้าง ก็งานอย่างนี้"เจ๊ส้มลิ้ม"ไม่ได้แอ้มกับเขาหรอก โน่น..เขาไปตัดกับช่างที่จบมาจากกรุงเทพฯโน่น..

และแล้ว"เจ๊ส้มลิ้ม"ก็ตัดสินใจเข้าไปเผชิญโชคในกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของประเทศไทยตามคำชักชวนของน้า(น้องสาวแม่)ที่ออกเรือนไปอยู่บ้านสามีที่คลองจั่นบางกะปิ

ก็กินนอนอยู่กับน้าอยู่หลายเดือน จนตอนนั้น"เจ๊ส้มลิ้ม"ตัวกลมอ้วนเป็นหมูตอนเลยล่ะค่ะ ตื่นเช้ามาก็ออกไปซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านปากซอยซึ่งตอนนั้นเขาขายเล่มละ 2 บาท แล้วก็พลิกๆหาหน้า ที่เขาลงแจ้งความรับสมัครงาน ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย

งานมีให้เลือกทำแต่ที่ทำงานอยู่ไกลโพ้น บ้านอยู่บางกะปิแต่ที่ทำงานอยู่พระประแดงโน่นใครจะถ่อไปไหว เฉพาะนั่งรถเมล์ก็ครึ่งค่อนวันเข้าไปแล้ว อ้อ..ลืมบอกตอนนั้นค่าโดยสารรถเมล์ตลอดสาย 75 สตางค์เท่านั้นค่ะ

มีอีกเรื่องลืมบอก "เจ๊ส้มลิ้ม"เคยไปสมัครงานโรงงานทำซิปที่ถนนลาดพร้าวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบางกะปินัก เดินทางสบายๆ แต่เขาไม่รับค่ะ

* * * * *

@ "ไชโย ได้งานทำแล้วนะคะ"

"นิวซิตี้แฟคตอรี่" ตั้งอยู่ที่ถนนสุรวงศ์บางรัก เขาขยายกิจการต้องการพนักงานหลายตำแหน่ง ซึ่งเขารับ"เจ๊ส้มลิ้ม"ทำงานในตำแหน่ง "พนักงานเย็บผ้า" อัตราค่าจ้าง 900 บาท/เดือน ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2522 เป็นต้นมาค่ะ

2-3 ปีต่อมา "เจ๊ส้มลิ้ม"ถูกย้ายไปประจำ"บูติคแฟคตอรี่"พระโขนง ใกล้บ้านเข้ามาหน่อยนึง เดินทางสบายๆเพราะนั่งรถเมล์ต่อเดียว

จากนั้นมา ปี 2 ปีก็ถูกย้ายไปทำงานแผนกอื่นสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปทุกแผนกจนจะทั่วทั้งโรงงานแหละค่ะ พูดไปแล้วจะหาว่าโม้ อะไรๆที่เกี่ยวกับ"บูติค"ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันสากกระเบือยันเรือรบนี่"เจ๊ส้มลิ้ม"ทำเป็นเหมิด ไม่มีลูกน้องคนไหนกล้าแหกตาก็แล้วกัน

"เจ๊ส้มลิ้ม"เป็นคนรักเดียวใจเดียวค่ะ ก็อยู่ทำงานที่นี่ตั้งแต่ยังสาวโสดปิ้งๆจนมีสามีและมีลูกชายโทนอีก 1 คน ก็ตั้งแต่สาวๆจนแก่นั่นแหละค่ะ "เจ๊ส้มลิ้ม"ไม่ออกไม่ย้ายไปไหน ก็รักที่นี่รัก"บูติคแฟคตอรี่"นี่คะ..อิอิ

* * * * *

@ "เชื่อมั้ยคะ "เจ๊ส้มลิ้ม"โชคดีได้เกษียณถึง 2 ครั้งค่ะ"

*เกษียณครั้งแรก วันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2556 เกษียณอายุ 55 ปี ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม ตำแหน่งก่อนเกษียณ"เจ๊ส้มลิ้ม"อยู่ที่"แผนกแพทเทริน"ค่ะ

"บูติคแฟคตอรี่" มอบของขวัญ "สลากออมสินพิเศษ" มูลค่า 2,000.00 บาท ให้"เจ๊ส้มลิ้ม"ด้วยค่ะ

และ "ประกันสังคม" *ข้อความ((ในวงเล็บ))ต่อไปนี้ โปรดสังเกตปี พ.ศ.นะคะ..

((... หลังจาก"เจ๊ส้มลิ้ม"ติดต่อทำเรื่องเกษียณแล้ว วันที่ 18 เมษายน 2556 และวันที่ 5 มิถุนายน 2556 "ประกันสังคม" อนุมัติจ่ายเงินสะสม+ผลประโยชน์ตอบแทนทั้งหมด 136,295.24 บาท ซึ่งมันน้อยกว่าที่"เจ๊ส้มลิ้ม"คำนวณไว้ (เก่งกว่าเจ้าหน้าที่อีกค่ะ..หุหุ)

"เจ๊ส้มลิ้ม"จึงอุทธรณ์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2556 และได้รับอนุมัติให้จ่ายเงินสะสม+ผลประโยชน์ตอบแทนครบ 148,854.92 บาท เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 (ที่ รง ๐๖๒๖/ปย ๑๓๓๗ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ผู้ลงนาม นางณัฐธิกานต์ เดชอุปการ)

แต่ "เจ๊ส้มลิ้ม"คำนวณเอง ว่าจะได้รับเงินสะสม+ผลประโยชน์ตอบแทนรวมทั้งหมด 151,320.40 บาท จึงอุทธรณ์ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2558 ว่าทาง"ประกันสังคม"จ่ายเงินไม่ครบยังขาดอีก 2,465.48 บาท

"เจ๊ส้มลิ้ม"ยื่นอุทธรณ์ทั้ง 2 ครั้งที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 10 เขตมีนบุรี

น.ส.สุนันทา นาคดี นักวิชาการแรงงานชำนาญการ เป็นผู้รับแบบอุทธรณ์ทั้ง 2 ครั้งค่ะ

วิธีคำนวณของ"เจ๊ส้มลิ้ม" กรุณาดูคำอุทธรณ์ 1/2 และ 2/2 ที่แนบมาพร้อมกับบทความนี้นะคะ

แต่จนถึงป่านนี้(วันที่ 13 กันยายน 2560) "เจ๊ส้มลิ้ม"ยังไม่ได้รับอนุมัติให้จ่ายเงินที่ยังค้างจ่ายตามที่อุทธรณ์ครั้งที่ 2 ไว้นะคะ ...))

จ่ายครบแล้วจ้า เช็คธนาคารกรุงไทย ลงวันที่ 1/11/2560 จำนวนเงิน 2,465.48 บาท

และแล้ว..หนึ่งเดือนให้หลัง ต่อมา วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2556 "บูติคแฟคตอรี่"ก็เรียก"เจ๊ส้มลิ้ม"กลับเข้าทำงานตำแหน่งเดิมอีกครั้ง

*เกษียณครั้งที่สอง วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2559 เกษียณอายุ 58 ปี ตำแหน่งก่อนเกษียณ"เจ๊ส้มลิ้ม"อยู่ที่"แผนกตรวจสอบคุณภาพ" หรือ QC ค่ะ

เกษียณครั้งนี้ "บูติคแฟคตอรี่" ได้จ่ายเงินชดเชยให้"เจ๊ส้มลิ้ม" 114,000.00 บาท

และ"ประกันสังคม"จ่ายเงินสะสม+ผลประโยชน์ตอบแทนให้"เจ๊ส้มลิ้ม" 36,138.59 บาท เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2560

สรุป..ระยะเวลาที่"เจ๊ส้มลิ้ม"ทำงานกับ"บูติคแฟคตอรี่" ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2522 ถึง วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2559 รวมทั้งหมด 37 ปีเต็มๆค่ะ

* * * * *

@ "ยุทธการแก้แค้น"เจ๊ส้มลิ้ม"วัยเรียนไม่ได้เรียน"

อ่านมาถึงตอนนี้ก็ขอย้อนถอยหลังกลับไปปี พ.ศ.2530 "เจ๊ส้มลิ้ม"มีสามีค่ะ อายุเราห่างกันแค่ 11 ปีเท่านั้นเอง เขาเป็นหนุ่มน้อยมาจากเมืองเหนือจังหวัดลำพูน ส่วน"เจ๊ส้มลิ้ม"มาจากจังหวัดราชบุรี มาเจอะเจอกันที่กรุงเทพฯนี่แหละค่ะ

ครั้นปี พ.ศ.2532 ลูกชายโทนก็โผล่ออกมาลืมตาดูโลก เชิญคุณๆตามไปอ่านลิ้งค์นี้นะคะ เป็นเรื่องราวของลูกชายโทนคนนี้ค่ะ..

@ คลิกที่นี่ค่ะ..

@ หรือคลิกที่นี่..

ปี พ.ศ.2539 ลูกชายโทนครบเกณฑ์เข้าเรียนชั้นประถม1 โรงเรียน กทม. ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน ส่วน"เจ๊ส้มลิ้ม"ก็เข้าเรียน กศน. ก็โรงเรียนเดียวกันนี่แหละค่ะ เพียงแต่ กศน.เรียนเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น

หนึ่งเดือนแรก"เจ๊ส้มลิ้ม"สอบเทียบชั้นประถม6 เรียนอีก 1 ปี 6 เดือน สอบเทียบชั้นมัธยม3 และเรียนอีก 1 ปี 6 เดือน สอบเทียบชั้นมัธยม6

สรุป..เอาเป็นว่าพอลูกชายโทนเรียนชั้นประถม4 "เจ๊ส้มลิ้ม"ก็เรียนจบชั้นมัธยม6แล้วนะคะ เมื่อได้ประกาศนียบัตร เป้าหมายสุดยอดของ"เจ๊ส้มลิ้ม"ก็อยู่ที่ ม.รามฯ นี่แหละค่ะท่านผู้อ่าน!!

* * * * *

@ "บทส่งท้าย"

เป็นไงคะ เกร็ดชีวิตเล็กๆของ"เจ๊ส้มลิ้ม"ตั้งแต่สาวจนถึงแก่ ตั้งแต่ตัวคนเดียวจนกระทั่ง "เจ๊ส้มลิ้ม"1 สามี1 ลูกชายโทน1 ก็สามคนเข้าไปแล้วนะคะท่านผู้อ่าน!!

อ้อ..ยังมีอีกอัน เรื่อง"ประกันสังคม"นี่ สามีของ"เจ๊ส้มลิ้ม"เป็นคนคำนวณให้เองค่ะ เรื่องเลขผาหน้าไม้นี่เขาเก่ง ตอนเรียน ม.6 สอบเลขได้คะแนนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกเทอมเลยนะคะ

ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ หวังว่าแอดมินกลุ่มต่างๆคงไม่ใจจืดใจดำลบออกจากกลุ่มอีกนะคะ 555

เอาเป็นว่า วันไหน"เจ๊ส้มลิ้ม"อารมณ์ดีก็จะมาเม้าท์ให้อ่านกันอีกค่ะ โชคดีนะคะ ท่านผู้อ่านทุกๆคน..

"เจ๊ส้มลิ้ม บูติคซิตี้"
13 กันยายน 2560

* * * * *

ข้าวห่อไข่ ทีมงาน"ศิริชัยเกียรติ" ส่งเข้าประกวด งานทำบุญประจำปีบริษัทฯ 5ส.ค.2554

แล้วก็ได้รับถ้วยรางวัลชนะเลิศ

* * * * *

@ พาลูกไหว้พระ9วัด 6มี.ค.2554

* * * * *

เพลง แม่ค้าหน้าคอม

* * * * *


* * * * *


"ซื้อผ้าเอง ตัดเย็บเอง แล้วเจ๊ก็ใส่เอง" สวยมั้ยคะท่านผู้ชม!!

เกษียณแล้วจ้า!! "เจ๊ส้มลิ้ม"อยู่กับบ้านเฉยๆหลานก็ไม่มีให้เลี้ยง เหงาจังเล้ย..

วันก่อนไปใช้บริการสาวน้อยครึ่งราคานั่งรถ ปอ.8 จากต้นทาง"เคหะร่มเกล้า"ไปเที่ยว"สำเพ็ง"ใกล้ๆปากคลองตลาดสะพานพุทธฯโน่นค่ะ เดินผ่านร้านขายผ้า โอ้ย..เยอะแยะมากมายหลากหลายสีลายหูลายตาไปเหมิด..

แล้วความคิดดีๆก็แว้บเข้ามาในสมอง เราจะอยู่กับบ้านให้เซ็งเป็ดไปทำไม หุ่นรึก็ยังสเลนเดอร์เป๊ะๆ สรีระรึก็ยังไม่แก่จนเกินไป (มีผัวเด็กได้..อิอิ)

อย่ากระนั้นเลยไม่รอช้า เลือกซื้อผ้ามาได้หลายชิ้น กะจะทำชุดใส่เองใส่อวดผัวไม่ให้วอกแวกคิดนอกใจ..อิอิ

แล้วก็เป็นที่มา "ซื้อผ้าเอง ตัดเย็บเอง แล้วเจ๊ก็ใส่เอง" สวยมั้ยคะท่านผู้ชม!! นี่แหละค่ะ..

บอกก่อนนะคะ ยืม FB สามีโพสต์ค่ะ

ชุดแรกนี่ เป็นผ้าฝ้ายทอมือ สีเขียวสดใส มาตรฐาน size M 37-30-38.5 ตัวกระโปรงมีซับใน มีผ้าคาดเอวซาตินสีดำขลับไว้รัดเมื่อพุงยืน..อิอิ

ชุดที่สอง เป็นชุดเดรส มาตรฐาน size M 37-30-38.5 ซับในทั้งชุด ตัดเย็บจากผ้าไหมเนื้อดี สีแดงเลือดนกสดใส

เอ้า..ไม่รอช้ามาดูรูปถ่ายกัน

สวยมั้ยคะท่านผู้ชม!!

"เจ๊ส้มลิ้ม บูติคซิตี้"
12 กันยายน 2560

* * * * *


หลังออกพรรษาปีนี้..วันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2560 ตระกูล"ดุษฎีปัญจพร" ทอดกฐินที่วัดตรีญาติ ต.พงสวาย อ.เมือง ราชบุรี จ้า!!

ภาพ1/4..ผ้าซิ่นชุดนี้จะใส่ไปทอดกฐินที่วัดตรีญาติ จ้า!!

ภาพ2/4..ผ้าซิ่น"ชายพกซิ่นจีบหน้านาง"ผืนนี้ เก็บไว้ใส่เองจ้า!!

ภาพ3/4..ผ้าซิ่น"ชายพกซิ่นจีบหน้านาง"ผืนนี้ เอาไปฝากญาติผู้ใหญ่จ้า!!

ภาพ4/4..และผ้าซิ่น"ชายพกซิ่นจีบหน้านาง"ผืนนี้ ก็เอาไปฝากญาติผู้ใหญ่จ้า!!

มาตรฐาน size M 00-30-38.5

ทั้งหมด 4 ภาพ "ซื้อผ้าเอง ตัดเย็บเอง แล้วเจ๊ก็ใส่เอง" สวยมั้ยคะท่านผู้ชม!!

บอกก่อนนะคะ ยืม FB สามีโพสต์ค่ะ

เอ้า..ไม่รอช้ามาดูรูปถ่ายกัน

"เจ๊ส้มลิ้ม บูติคซิตี้"
13 กันยายน 2560

* * * * *


แล้วก็เป็นเรื่องจนได้..

".. ที่ผมโพสต์กระทู้อยู่ทุกวันนี้มีทั้งหมด 20 กว่ากลุ่ม ซึ่งทั้งหมดมาลากผมไปเข้ากลุ่มเองโดยที่ผมไม่เคยไปร้องขอหรือสมัครเป็นสมาชิกกลุ่มกับเค้าเลย..

ไหนๆก็ลากเข้าไปแล้วผมก็เลยตามเลยมาจนทุกวันนี้ไง เมื่อผมโพสต์เรื่องอะไรผมก็จะเผื่อแผ่เอาไปโพสต์กับกลุ่มต่างๆที่ลากผมเข้าไปด้วยมาตลอด

2-3วันก่อนแม่บ้านซึ่งอ่อนกว่าผม 11 ปี เพิ่งเกษียณมาหมาดๆมาอยู่เฝ้าบ้านเป็นเพื่อนผมอีกคน เธอฮึดขึ้นมายึดเอาล็อคอินเฟสบุ๊คของผมไปโพสต์เรื่องเสื้อผ้าชุดแต่งกายแบบต่างๆที่เธอซื้อผ้าตัดเย็บเองแล้วก็ใส่เองนั่นแหละ

ผมท้วงว่านี่มันเฟสการเมืองจะเอาเรื่องพวกนี้มาโพสต์เดี๋ยวเพื่อนๆที่ติดตามเฟสผมเขาจะหมั่นไส้เอานา

แม่บ้านผมเธอสวนกลับ ก็เปลี่ยนบรรยากาศเรื่องเครียดๆการเมืองมาเรื่องการบ้านการทำบุญบ้างจะเป็นจะตายกันเลยรึ?

ผมจนใจเถียงไม่ออก (หุหุ..โรคเกลียมัว!!) แต่ก็ขอต่อรองขอโพสต์จั่วหัวโพสต์ของเธอไว้บรรทัดเดียว

"โพสต์นี้จะโดนลบหรือไม่ มาดูกันว่าอ่านหนังสือเกิน 3 บรรทัดมั้ย.."

กันเผื่อแอดมินบางกลุ่มที่สมาธิสั้นอ่านหนังสือไม่เกิน 3 บรรทัด จะพาลลบกระทู้หรือไม่ก็ลบออกจากกลุ่มไปเลย

นั่นไง..ผมสังหรณ์ใจไม่ผิดเล้ย พับผ่า!!สิ

กลุ่มแรกที่ลบผมออกจากกลุ่มคือ "กลุ่มเรารักแดงเกลียดสลิ่ม V.2" / ตามมาด้วย "กลุ่มประชาธิปไตย คนไทยถิ่นกาขาว" / และตามมาอีกคือ "กลุ่ม Ku ขอประชาธิปไตย เมื่อไหร่จะคืน" / รวม 3 กลุ่มด้วยกัน

และก็ยังไม่รู้ว่ากำลังจะตามมาอีกกี่กลุ่ม? เข้าใจว่าแอดมินของกลุ่มที่เหลือคงจะสมาธิมั่นคงอ่านหนังสือเกิน 3 บรรทัดแน่ๆ เลยรู้เรื่องราวความเป็นมาของโพสต์แม่บ้านผมว่าไม่เกี่ยวกับการขายสินค้าอะไรนั่น ก็เลยยังไม่ได้ลบผมออกกัน

สำหรับ "กลุ่มหัวใจสีแดง รักประชาธิปไตย" ก่อนหน้า 2-3 วันที่ผ่านมา ผมลบตัวเองออกจากกลุ่มเองแหละครับ

ทั้ง 4 กลุ่มที่ผมว่ามา ต่อไปอย่าลากผมเข้ากลุ่มอีกนะครับ คราวนี้ผมเขียนด่าเอาจริงๆด้วย .."

ธนวุฒิ ดุษฎีปัญจพร
14 กันยายน 2560
@ คลิกที่นี่.. "แล้วก็เป็นเรื่องจนได้.."

* * * * *


* * * * *


* * * * *

@ คลิกลิ้งค์นี้.. ย้อนตำนาน..วางระเบิดเครื่องบินทักษิณ3มีนา2544
"..วินาทีที่เครื่องบินเตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้านั้น ที่นั่งชั้นหนึ่งหมายเลข 11A ที่เขาได้จองไว้เกิดระเบิดขึ้นกะทันหัน ผู้โดยสารที่อยู่บริเวณรอบๆที่นั่งนั้นได้รับบาดเจ็บหลายคน แต่ที่โชคดีก็คือที่นั่งนี้ไม่มีใครนั่งอยู่ในตอนนั้น .. ทักษิณผู้ซึ่งตรงต่อเวลามาโดยตลอดตัดสินใจที่จะรอลูกชายซึ่งก็คือนายพานทองแท้ ที่มาถึงช้า วันนั้นลูกชายก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงมาช้า 25 นาที แต่ในที่สุดก็ได้ช่วยชีวิตพ่อของตนไว้ได้.."

* * * * *